กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--มูลนิธิสยามกัมมาจล
หลังเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 388 กิโลเมตรจาก "ป่าแม่่วงก์" ปลายทางที่ "หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร”เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นสำนึกของผู้คนด้านสิ่งแวดล้อม"ศศินเฉลิมลาภ" -- เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรก็ยังไม่หยุดเดินหรือหยุดเคลื่อนไหวการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม
ล่าสุดเดินทางไปสร้างแรงบันดาลใจและให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่น้องๆเยาวชนในโครงการ “ปลูกใจรักษ์โลก”ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิกองทุนไทยร่วมกับอีกหลายๆองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่นำเด็กๆมาพัฒนาแนวคิดและการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชนณห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมwe Train กรุงเทพ
“เพราะงานอนุรักษ์เป็นงานทำไม่มีวันเสร็จ ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีคนทำงานอนุรักษ์มันก็ไปเร่งเวลาให้โลกเข้าสู่จุดวิกฤติเร็วขึ้น…และดีใจที่ยังมีคนทำงานอนุรักษ์และเห็นเด็ก ๆ มาทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ก็เหมือนเป็นความหวังว่า จะมีคนอีกรุ่นหนึ่งมาทดแทนคนรุ่นเก่าที่เริ่มหมดแรงลงทุกที”
เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังกล่าวอีกว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิสืบฯ ทำงานด้านนโยบายค่อนข้างมากและงานส่วนใหญ่เป็นงานร้อน มีความซีเรียสจึงทำให้หมดพลังในการทำงานด้านเยาวชนที่ถือเป็นงานเย็น ขณะเดียวกันที่มูลนิธิฯ ก็ไม่มีบุคลากรที่เก่งๆ เพียงพอที่จะเข้ามาทำกระบวนการด้านสิ่งแวดล้อมดังนั้นเมื่อมีคนมาชวนให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมกับน้อง ๆ จึงไม่ปฏิเสธ
“โดยหน้าที่ผมเป็น 1 ในคณะกรรมการคัดเลือกโครงการนี้อยู่แล้ว และก็เห็นว่า การเข้ามาพูดในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมให้กับคนรุ่นใหม่...สำหรับผมคิดว่างานในลักษณะแบบนี้ก็ยังมีความสำคัญ ซึ่งทางมูลนิธิสืบฯ ก็ยินดีที่จะเป็นกองหนุน เป็นฝ่ายสนับสนุน ช่วยให้ข้อมูลด้วยความยินดีอยู่แล้วเพราะว่างานอนุรักษ์นี่เป็นงานที่ทำไม่เสร็จ เป็นงานที่ต้องถ่วงดุลกับคนที่โลภ ทุกคนก็ใช้ธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าเราไม่ใช้ แต่ถ้าเราไม่มีกลุ่มอนุรักษ์ที่มาถ่วงไว้บ้าง ความต้องการของมนุษย์มันก็ทำลายโลก อย่างน้อยก็ต้องมีฝ่ายที่เข้ามาช่วยชะลอมันไว้ ซึ่งต้องชะลอไปถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ ดังนั้นเยาวชนที่เข้ามาทำงานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นอะไรที่สำคัญ ต้องการคนรุ่นต่อๆ ไปมาทำ“
สำหรับโครงการ “ปลูกใจรักษ์โลก” เป็นโครงการที่เปิดโอกาสและสนับสนุนให้เยาวชนในทุก ๆ พื้นที่ได้ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมทำกิจกรรมหรือโครงการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องของ ดิน น้ำ ป่า เกษตร โดยส่งข้อเสนอโครงการเข้ามายัง มูลนิธิกองทุนไทย และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับเงินสนับสนุนในการทำกิจกรรมโครงการละ 25,000บาท และนอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาทักษะ ความสามารถ ในด้านความเป็นผู้นำ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม และมีสำนึกสาธารณะ เติบโตไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพหรือ Active Citizen มีบทบาทในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมในอนาคต
โครงการนี้เป็นโครงการในความร่วมมือของเครือข่ายองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมอาทิ 1.สมาคมสร้างสรรค์ไทย (ตาวิเศษ) 2.สมาคมป่าชุมชนอีสาน 3.กลุ่มไม้ขีดไฟ 4.กลุ่มหุ่นไล่กา 5.ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชน เพื่อคนกับป่า และ 6.นักวิชาการอิสระโดยการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิสยามกัมมาจล