กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--พีอาร์ บูม
อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ (IRM) เผยเป็น 1 ใน 3 ของบริษัทบริหารทรัพย์สินที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำให้ความไว้วางใจสูงสุด เร่งพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบริหารอาคารและชุมชน เพื่อสร้างความพึงพอใจและเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริการพร้อมแข่งขันกับธุรกิจต่างชาติ
นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (IRM) และอดีตนายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทบริหารอาคารและชุมชนมีการแข่งขันด้านศักยภาพในการทำงานเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า เห็นได้จากความพยายามในการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งกลยุทธ์อื่น ๆ ที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ เช่นเดียวกับ IRM ที่ต้องเร่งสร้างมูลค่าให้กับงานบริหารทรัพย์สิน รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะในการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ และความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ทำให้ที่ผ่านมามีโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรกว่า 100 โครงการให้ความไว้วางใจ ซึ่งถือว่าเป็น 1 ใน 3 ของบริษัทบริหารทรัพย์สินที่อาคารและบ้านจัดสรรตัดสินใจใช้บริการมากที่สุด
“ประสบการณ์ในการทำงานและการสร้างความน่าเชื่อถือในการบริหารอาคารและชุมชน ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและมีการพูดถึงในลักษณะปากต่อปาก ทั้งในเรื่องความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบการทำงานได้ทุกเรื่อง เช่น การเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายให้กับผู้อยู่อาศัยได้รับทราบ รวมทั้งศักยภาพของบุคลากรในการแก้ไขปัญหาและขจัดข้อร้องเรียนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานอย่างมืออาชีพที่ทำให้โครงการจัดสรรต่าง ๆ ประทับใจ ส่งผลให้มีอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรรทยอยเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมามีโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ให้เลือก IRM เข้าไปบริหารชุมชนถึง 20 โครงการ” นายธนันทร์เอกกล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (IRM) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันในตลาดบริหารทรัพย์สินมีการแข่งขันกันทั้งบริษัทลูกของผู้ประกอบการจัดสรรเอง และบริษัทที่ให้บริการด้านบริหารทรัพย์สินโดยเฉพาะ ทั้งนี้ IRM ได้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองเพื่อแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติ เนื่องจากอาคารและหมู่บ้านต่าง ๆ จำนวนไม่น้อยให้ความไว้วางใจบริษัทต่างชาติและยอมจ่ายค่าบริการแพงกว่าบริษัทคนไทย ทั้งที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นคนไทยและมีรูปแบบการทำงานไม่ต่างกันมากนัก เพื่อให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ยอมรับการบริหารจากบริษัทคนไทยมากขึ้น IRM ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการในการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งกลยุทธ์การสร้างความคุ้มค่าในการบริหารทรัพย์สิน ทั้งเรื่องการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการประหยัดพลังงานในอาคารและชุมชน รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับการผู้อยู่อาศัย
สำหรับจุดเด่นที่ IRM ได้เปรียบบริษัทต่างชาติคือเรื่องความรู้และเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาคารชุดและกฎหมายบ้านจัดสรร ปัจจุบันบริษัทฯ มีบุคลากรที่มีประสบการณ์และจบด้านกฎหมายโดยตรง นอกจากนี้แล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายเฉพาะด้าน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถบริหาร และจัดการชุมชน รวมทั้งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แล้วยังมีจุดขายที่ได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องความเป็นมืออาชีพที่สามารถให้คำปรึกษาลูกค้าได้ในทุกเรื่อง เช่น การตกแต่งและต่อเติมอาคารทำได้หรือไม่และต้องมีกระบวนการอย่างไร หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องน้ำรั่วในอาคารชุดจะต้องรู้ว่าห้องที่อยู่ด้านบนหรือด้านล่างเป็นผู้รับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในการอยู่อาศัยร่วมกัน ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดทำเป็นคู่มือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอาคารและชุมชน เพื่อใช้เป็นคัมภีร์ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน
“แม้ว่าจะมีลูกค้าให้ความไว้วางใจจำนวนมากแต่ IRM ยังต้องพัฒนาบริการต่าง ๆ ต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันของตลาด และต้องการเป็นเบอร์ 1 ของบริษัทบริหารทรัพย์สิน ทั้งนี้ ในสายตาของลูกค้านั้นมองว่าเราประสบความสำเร็จด้านการบริหารอาคารและชุมชน เนื่องจากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำต่าง ๆ ทั่วประเทศเลือกใช้บริการ เช่น โครงการ The click สุขุมวิท65, โครงการ CONDO ONE X นราธิวาส, โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา,โครงการเซ็นทริค ซีน อารีย์, โครงการอินโทร พหลโยธิน-ประดิพัทธิ์, โครงการวิสต้า ปาร์ค ประชาชื่น, โครงการเอสเปซ อโศก—รัชดา, โครงการกัลปพฤกษ์ ขอนแก่น, โครงการชะอำแกรนเมโทรจอมเทียนฯลฯ” นายธนันทร์เอกกล่าว