กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--ซีพีเอฟ
ซีพี นำร่องใช้มาตรฐาน IFFO Standard for Responsible Supply Chain of Custody (IFFO RSCoC) เพื่อเป็นหลักประกันระบบการผลิตปลาป่นในกลุ่มพันธมิตรต้องมีเอกสารรับรองแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้มาจากเรือประมงที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฏหมาย ทำประมงอย่างรับผิดชอบ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์วิทยาทางทะเลอย่างยั่งยืน ตลอดจนสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ทั้งห่วงโซ่อุปทานและการจัดจำหน่าย
นายไพศาล เครือวงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือเจริญโภคภัณฑ์กล่าวว่าซีพีเอฟเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายแรกของประเทศไทยที่นำมาตรฐานสากลดังกล่าวมาใช้ตรวจสอบโรงงานปลาป่น โดยหนังสือรับรอง IFFO RSCoC นี้จะมีผลบังคับต่อเนื่องต่อไปยังเครือข่ายคู่ค้า (custody network) โดยเครือฯริเริ่มเป็นผู้สนับสนุนคู่ค้าพันธมิตรในเรื่องวิชาการ เทคนิคในกระบวนการผลิตและการลดต้นทุน ทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยเริ่มตั้งแต่วัตถุดิบจากเรือประมง ต้องเป็นเรือประมงที่มีการขึ้นทะเบียนกับโรงงานปลาป่นอย่างถูกต้องเท่านั้น
“การนำมาตรฐาน IFFO RSCoC มาใช้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างเครือข่ายคู่ค้าพันธมิตรอย่างเป็นระบบทั้งโรงงานปลาป่นและเรือประมงให้อยู่ภายใต้ระบบการตรวจสอบย้อนกลับเดียวกัน และเดินสู่มาตรฐานสากลทั้งกระบวนการผลิตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายไพศาลกล่าว
นายไพศาลกล่าวอีกว่า ซีพีตั้งเป้าพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้ากับโรงงานปลาป่น 7 โรงงาน ร่วมกับโรงงานปลาป่นของบริษัทฯ ซึ่งมีเพียง 1 โรงงานเท่านั้น ถือเป็นโครงการนำร่องในการใช้มาตรฐานดังกล่าว เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบย้อนกลับในกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงงานปลาป่นของซีพีและบริษัท เซ้าท์อีส เอเชียน แพคกิ้งแอนด์แคนนิ่ง จำกัด (Southeast Asian Packing and Canning Co Ltd) ซึ่งเป็นโรงงานปลาป่นพันธมิตรจะสามารถเริ่มใช้มาตรฐานดังกล่าวได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบจากปลาที่ได้จากผลพลอยได้จากการผลิต (by product) ซูริมิ และการผลิตปลากระป๋องที่มีระบบการรับรองให้ได้ 50% ของความต้องการใช้ในปี 2558 ส่วนที่เหลืออีก 50% จะมาจากการทำประมงที่ถูกต้องตามระบบมาตรฐานสากล
นายไพศาลกล่าวว่าเครือซีพีเปิดกว้างสำหรับโรงงานปลาป่นที่สนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าเพื่อยกระดับการผลิตสู่มาตรฐานระดับโลก