ทิสโก้ แนะกระจายลงทุนหุ้นต่างประเทศ หลังหุ้นไทยเจอมรสุมการเมือง พร้อมส่งกองทริกเกอร์ฟันด์ลุยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตั้งเป้ากำไร 8% ใน 8 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 8, 2013 08:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ทิสโก้ เวลธ์ มองหุ้นไทยไม่ไปไหน หลังเจอมรสุมการเมืองกดดัน เศรษฐกิจโตต่ำกว่าคาด แนะผู้ลงทุนหันกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวโดดเด่น คาดเป็นตลาดหุ้นที่สร้างกำไรให้นักลงทุนดีที่สุดในปีนี้ ด้าน บลจ.ทิสโก้ เตรียมเปิดเสนอขายกองทริกเกอร์ฟันด์ “เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ #1” ลุยลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตั้งเป้ากำไร 8% ใน 8 เดือน ไอพีโอ 11 — 19 พ.ย. นี้ นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, First Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ ประเมินว่า จากความไม่ชัดเจนทางการเมืองที่เกิดขึ้นประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของไทยโตต่ำกว่าคาด หากปัญหาการเมืองของไทยยังยืดเยื้อและคลุมเครือ อาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจไม่โตตามคาดและลากยาวถึงปีหน้าแน่นอน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมจึงแนะผู้ลงทุนกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ด้วยนโยบายธนูสามดอก (Three arrows) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เศษฐกิจญี่ปุ่นออกจากสภาวะถดถอย ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น และบริษัทญี่ปุ่นเริ่มมีกำไรเหตุยอดขายโตจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ส่งผลให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ “ปีนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถือเป็นตลาดที่ทำกำไรให้นักลงทุนดีที่สุดในโลกโดยดัชนี Nikkei 225 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 37% นับตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่หุ้นไทยแทบไม่ไปไหน อย่างไรก็ดี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ตั้งธงไว้ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจของตนอีกเกือบ 2 ปีที่เหลือ ทิสโก้ เวลธ์ จึงมองว่าดัชนีราคาหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปได้ โดยดูจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Price to Book) ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.4-1.5เท่า ยังต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ที่มีตลาดขนาดใหญ่ซึ่งพัฒนาแล้วเช่นสหรัฐและยุโรป ซึ่งอยู่ที่ 1.7 เท่า ดังนั้นหากพิจารณาว่า อัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Price to Book) ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นมาซื้อขายในระดับค่าเฉลี่ยก็ยังมีโอกาสที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 20% จากระดับปัจจุบัน นอกจากนี้ หากมองเม็ดเงินลงทุนจะเห็นว่าเงินลงทุนหรือ ฟันด์โฟล์วส่วนใหญ่เริ่มไหลเข้าสู่ตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรปในบางประเทศ เป็นต้น เนื่องจากนักลงทุนมองปีหน้าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้ น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากสหรัฐฯ เองก็เริ่มคิดที่จะชะลอการอัดฉีดสภาพคล่องหรือคิวอี หากการจ้างงานฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนที่ไหลบ่าออกมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรน่าจะไหลกลับออกไปอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ” นายสาห์รัช กล่าวต่อไปว่า จากความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทาง บลจ.ทิสโก้ จึงเตรียมเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ #1” (TISCO Japan Equity Trigger Fund#1) โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยกองทุน ดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 และหุ้นที่กำลังจะมาเป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี Nikkei 225 ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ #1” มีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขาย (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 11 -19 พ.ย. 56 นี้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อขอหนังสือชี้ชวนฯ และจองซื้อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือสอบถามได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ