ไทยรุ่งเรืองทรัสต์เตรียมออกหุ้นกู้ หวังขยายฐานธุรกิจ

ข่าวทั่วไป Thursday November 7, 1996 11:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--7 พ.ย.--ไทยรุ่งเรืองทรัสต์
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ จำกัด หรือ TRR เตรียม ระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้จำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายฐานธุรกิจด้าน เงินทุนโดยเฉพาะ และแต่งตั้งให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ร่วมเสริมกิจ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515 ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินทุน และหลักทรัพย์ 7 ประเภท
การดำเนินธุรกิจที่เจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีผู้สนใจเข้า มาร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทในปี พ.ศ.2533 คือ กลุ่มก๊วก (Kuok Group) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจต่าง ๆ อาทิ โรงแรมแชงกรีลา และ บริษัท เคอรี่ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด ซึ่งมีสาขาอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จุดนี้เองที่ แสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ มีศักยภาพในการพัฒนา และพร้อมที่จะก้าวไปสู่ระดับสากล โดยปัจจุบัน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 300 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาท และสิ่งที่ยืนยันให้เห็นถึงประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่าง ชัดเจนคือ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2538 ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้อนุมัติให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ จำกัด เข้าเป็นสมาชิกของ ตลาดหลักทรัพย์หมายเลข 48
นางสว่าง มั่นคงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ จำกัด ได้กล่าวย้ำว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงยืนหยัด และยึดถือนโยบายในการให้บริการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า รวมทั้งการให้ บริการอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และซื่อสัตย์สุจริต โดยพัฒนาการบริหาร งานให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของโลก ตลอดจน การอบรมเพิ่มพูนความรู้ให้แก่บุคลากร เพื่อประสิทธิภาพในการปฎิบัติงาน และ สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ว่า "ผลประโยชน์ของท่าน คือ งานของเรา"
ปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักอยู่ 2 ประเภท คือ ธุรกิจเงินทุนและ ธุรกิจหลักทรัพย์ ด้านเงินทุนจะแบ่งการให้บริการเป็น 2 ประเภทคือ การกู้ยืมเงิน จากประชาชนในรูปของตั๋วสัญญาใช้เงิน และการให้บริการด้านสินเชื่อ โดยบริษัทมี นโยบายให้สินเชื่อที่ชัดเจน ซึ่งเน้นถึงคุณภาพของสินเชื่อรวมถึงสภาวะเศรษฐกิจขณะ นั้น ๆ ด้วย ส่วนทางด้านหลักทรัพย์ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตลอดทั้งการเป็นนายหน้า ซื้อขายหลักทรัพย์ และการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ และ ที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญของธุรกิจทั้งด้านเงินทุน และ หลักทรัพย์เท่าเทียมกันตามสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
การเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพของบริษัท ทำให้บริษัทได้ วางแผนที่จะเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี พ.ศ. 2540 เพื่อขยายฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น และเป็นการสนองนโยบายของ ทางการที่ต้องการให้สถาบันการเงินระดมทุนระยะยาวมากกว่าระยะสั้น บริษัทเงิน ทุนหลักทรัพย์ ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ จำกัด จึงได้แต่งตั้งให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ร่วมเสริมกิจ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการออกหุ้นกู้ มูลค่า ประมาณ 1,500 ล้านบาทในครั้งนี้
หุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้ จะแบ่งเป็นสองประเภท คือ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ประเภทไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุประมาณ 3-5 ปี จำนวน 1,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ประเภทไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุประมาณ 5 ปี 6 เดือน ประมาณ 500 ล้านบาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยของหุ้น กู้ทั้งสองประเภทจะกำหนดจากการทำ Book Building โดยกำหนดตามสภาวะ ตลาดเงินในช่วงที่ดำเนินการออกหุ้นกู้ การเสนอในครั้งนี้จะเสนอขายแก่บุคคล ในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งเป็นนักลงทุน 17 ประเภท ตามประกาศ ของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และจะเสนอขายแบบต่อเนื่องเป็นโครงการ (Tab Bonds)
วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มขนาดของเงินกองทุน โดยเฉพาะเงินกองทุนชั้นที่ 2 เป็นการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทใน อนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายปริมาณเงินให้กู้ยืมแก่ลูกค้าด้านสินเชื่อให้มากขึ้น และเพื่อจัดโครงสร้างเงินกู้ยืมของบริษัทให้มีสัดส่วนของแหล่งเงินทุนระยะยาวให้อยู่ ในระดับที่เหมาะสม
จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ บงล.ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ จำกัด ใน ปี 2536 มีสินทรัพย์รวม 7,216.03 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเป็น 9,011.47 ล้านบาท ในปี 2537 เพิ่มขึ้น 24.96% ส่วนในปี 2538 มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 13,200.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 46.39% ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2539 มีสินทรัพย์ รวมถึง 15,101.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 79.95%
ด้านกำไรสุทธิของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2536 มีกำไรสุทธิ 65.15 ล้านบาท ขณะที่ปี 2537 มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 138.56 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 112.67% และในปี 2538 มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 159.94 หรือเพิ่มขึ้น 15.43% สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2539 มีกำไรไปแล้วถึง 100.16 ล้านบาท ใน ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2538 มีกำไร 74.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.62% ซึ่ง แสดงให้ถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และความพร้อมในการที่จะก้าวไปสู่ระดับ สากลในอนาคต--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ