ทิสโก้ชี้หุ้นจีนสดใสน่าลงทุน หลังรัฐบาลจีนประกาศมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ 10 ปี เตรียมออก “กองทริกเกอร์” ลุยหุ้นจีนต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 25, 2013 09:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ชี้เศรษฐกิจจีนฟื้นระยะยาว หลังรัฐบาลจีนประกาศมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หนุนตลาดหุ้นจีนน่าสนใจลงทุนต่อเนื่อง ด้าน บลจ. ทิสโก้จับจังหวะเหมาะ ส่งกองทริกเกอร์ลุยหุ้นจีนอีกรอบ "ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% กองที่ 11” ตั้งเป้า 8 เดือน 8% ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO Economic Strategy Unit: TISCO ESU) รายงานว่า จากการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 9-12 พ.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นวาระสำคัญที่จีนได้แถลงนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในแผนพัฒนา 10 ปี ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ก้าวหน้า และส่งผลบวกต่อการพัฒนาประเทศจีนในหลายด้าน TISCO ESU จึงมองว่าแผนปฎิรูปดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความกังวลต่อความเสี่ยงด้านนโยบาย ส่งผลบวกต่อภาพเศรษฐกิจจีน และช่วยยกระดับ Valuation ของหุ้นจีน ทำให้หุ้นจีนสามารถกลับมาซื้อขายที่ระดับ P/E สูงขึ้นได้ โดยมาตรการหลักที่มีผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจีนนั้นมีอยู่ 10 มาตรการ ได้แก่ 1. การผ่อนคลายกฎระเบียบการลงทุนของภาคเอกชน ภาคเอกชนสามารถลงทุนในกิจการที่รัฐบาลผูกขาดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปฎิรูปที่สำคัญที่สุดของแผนปฏิรูปทั้งหมด และจะส่งผลบวกต่อศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดว่านโยบายนี้จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนเฉลี่ยปีละ 2% ในระยะ10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะภาคบริการ 2. การผ่อนคลายกฎระเบียบการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยจะยกเลิกการกำหนดเพดานการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในภาคบริการ รวมถึงเข้าร่วมในข้อตกลงเขตการค้าเสรีต่างๆ ซึ่งจะช่วยเปิดตลาดการค้า และช่วยเร่งการเจริญเติบโตในภาคบริการ 3. การเปิดเสรีทางการเงิน สนับสนุนภาคเอกชนจัดตั้งสถาบันการเงิน โดยผ่อนคลายกฎระเบียบที่ควบคุมอัตราดอกเบี้ย และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงมาตรการที่จะช่วยในการเปิดเสรีทางการเงิน 4. การปฎิรูปที่ดินและระบบการจดทะเบียนครัวเรือน รัฐบาลจะให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อเกษตรกร รวมทั้งสิทธิ์ในการซื้อ ขาย เช่า และ สามารถนำที่ดินไปจดจำนองเป็นหลักประกันได้ 5. การปฏิรูปการกำหนดราคาทรัพยากร เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น 6. การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ การแยกธุรกิจที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ออกจากรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำรัฐวิสาหกิจที่มีการปรับโครงสร้างแล้วเข้าตลาดหลักทรัพย์ และจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการสินทรัพย์เพื่อบริหารพอร์ตการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 7. การปฏิรูปภาคการคลัง รัฐบาลจะเร่งบังคับใช้ระบบภาษีที่คิดจากการถือครองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงการปฏิรูประบบภาษีมูลค่าเพิ่มในภาคบริการ และเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล 8. การปฏิรูประบบประกันสังคม รัฐบาลจะมีมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมและความยั่งยืนของระบบบำนาญในระยะยาว 9. การพัฒนาตลาดพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลจะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรได้โดยอิสระ เพื่อทดแทนเครื่องมือในการระดมทุนในปัจจุบันของรัฐบาลท้องถิ่น และ10. การผ่อนคลายนโยบายบุตรหนึ่งคน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยชะลอการลดลงของประชากรวัยทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาของจีนในปัจจุบัน ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, First Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนเป็นหนี่งใน Top Pick ของทิสโก้มาโดยตลอด และด้วยสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่โดดเด่น รวมถึงตลาดหุ้นจีนที่ขณะนี้ความน่าสนใจลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลมีความชัดเจนด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจ ทิสโก้จึงยังคงมองว่าตลาดหุ้นจีนเป็นโอกาสการลงทุนในต่างประเทศที่น่าสนใจ และเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังต่างประเทศ ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ จึงเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 11” (TISCO China Trigger 8% Fund # 11) กองทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีฮั่งเส็งไชน่าเอ็นเตอร์ไพร์ส (Hang Seng China Enterprise: HSCEI) หรือ H-Shares อายุโครงการ 8 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 25 พ.ย. - 3 ธ.ค. 56 นี้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท “ที่ผ่านมานักลงทุนมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และนโยบายภาครัฐของจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนยังคงซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ โดยราคาหุ้นปัจจุบันของดัชนี HSCEI เทรดที่ระดับประมาณ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงวิกฤติ Subprime ในปี 2008 ที่สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ในขณะที่ระดับ P/E ของหุ้นจีนยังน้อยกว่า 8 เท่า ซึ่งยังถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังมี Upside อีกมาก และด้วยมาตการของภาครัฐที่ออกมาในครั้งนี้ จะทำให้นักลงทุนคลายกังวล และมองเห็นศักยภาพของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นจีนเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจมาก สำหรับกองทริกเกอร์ของทิสโก้ เราได้พิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านกองทริกเกอร์ฟันด์ ด้วยการบริหารกองทุนเข้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็เข้าเป้าหมายไปอีก 2 กอง ได้แก่กองทริกเกอร์หุ้นสหรัฐฯ และหุ้นจีน ที่เข้าเป้าหมาย 8% และสามารถปิดกองจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมเบ็ดเสร็จกองทริกเกอร์ขของทิสโก้ เข้าเป้าหมายถึง 21 กองทุน ภายใน 2 ปี และสำหรับกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นจีนกองล่าสุดที่กำลังจะเสนอขายนี้ เราก็มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นที่ผ่านมา ” นายสาห์รัช กล่าว สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ