ผลวิจัยชี้บริษัทในเอเชีย เน้นลงทุนด้านแอพพ์โมไบล์เหนือBYOD

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday December 4, 2013 17:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์ แรงหนุนจากความต้องการของลูกค้า และพัฒนาการใช้งานดันโปรเจกต์ไอทีด้านโมไบล์ระดับเอนเทอร์ไพรซ์มาแรงทั่วเอเชียแปซิฟิก ผลสำรวจล่าสุดเรื่องงานโมไบล์ระดับเอนเทอร์ไพรซ์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น จากบริษัทวิจัย Vanson Bourne ที่สนับสนุนการทำวิจัยโดยซีเอ เทคโนโลยีที่ใช้ชื่อรายงาน สรุปชี้ชัดว่า ความสำเร็จของกา่รใช้งานระบบโมไบล์สำหรับเอนเทอร์ไพรซ์ ไม่ได้หยุดแค่เรื่องรับมือกับการใช้เครื่องส่วนตัวในที่ทำงาน หรือ (BYOD - Bring Your Own Device ) เท่านั้น หากแต่ยังต้องเตรียมการคิดเผื่อไปไกลถึงเรื่องยุทธศาตร์ที่จะใช้เพื่อให้บริการลูกค้าและพนักงานได้อย่างสมดุลอีกด้วย จากการสัมภาษณ์สอบถามความเห็นของผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจในด้านไอทีกว่า 1300 รายจากทั่วโลกชี้ว่าเห็นประโยชน์ในการใช้ระบบโมไบล์แล้วในขณะนี้ แต่ยังคงเป็นห่วงในปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย การรักษาความเป็นส่วนตัว ต้องพร้อมใช้งานรองรับหลายแพล็ตฟอร์ม งบประมาณที่มีจำกัด และปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะฝีมือที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานระบบโมไบล์ มากกว่าสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น( คิดเป็น 68 เปอร์เซ็นต์ของทั้งภูมิภาค และเป็นจำนวน 95 เปอร์เซ็นต์ในกรณีประเทศจีน) ได้มียุทธศาตร์โมไบล์ระดับเอนเทอร์ไพรซ์ของตนแล้ว หรือมิเช่นนั้นก็กำลังจะดำเนินการต่อไปภายในเวลาหนึ่งปี ในขณะที่องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการบุกเบิกงานด้านโมไบล์ก็ได้รับผลตอบแทนเชิงธุรกิจตั้งแต่ 18 ถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ในด้าน นำโปรดักต์และเซอร์วิสสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความได้เปรียบเชิงแข่งขัน สร้างความพึงพอใจจากกลุ่มลูกค้า พนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นและ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงมา ตัวอย่างเช่นบริษัทในญี่ปุ่น มียอดลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์และเซอร์วิสเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่บริษัทธุรกิจในอินเดียบรรลุยอดผลิตภาพการทำงานของพนักงานที่เพิ่มขึ้นกว่า 31 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม มีบริษัทในภูมิภาคนี้อีก 31 เปอร์เซ็นต์ที่รู้สึกว่าน่าจะทำอะไรเพิ่มเติมในเรื่องของงานโมไบล์ได้อีก และตัวเลขนี้เพิ่มเป็นมากถึง 42 เปอร์เซ็นต์ในกรณีของบริษัทจากออสเตรเลีย ในรายงานฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ความคิดริเริ่มจากนอกองค์กร ที่มาจากลูกค้าเริ่มมีความสำคัญมากกว่าการใช้งาน BYOD ในองค์กร โดยเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องเรื่องโมไบล์มีความสำคัญเชิงธุรกิจและจำเป็นต้องรับมือด้วยความจำเป็นเร่งด่วนในแบบเดียวกับประเด็นการใช้งานภายในองค์กร และความริเริ่มที่มาจากทางลูกค้าก็ยังได้รับการมองว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าในการตอบสนองความต้องการและพัฒนาความพึงพอใจและประสบการณ์ของลูกค้าในภาพรวม ?CIO ทุกวันนี้ต่างได้รับแรงกดดันให้ต้องรับมือกับเทคโนโลยีที่ก้าวไกลไปอย่างรวดเร็ว และเรื่องโมไบล์ก็ทำให้งานซับซ้อนยิ่งขึ้นทั้งในด้านระบบที่ผู้ใช้ภายในบริษัทใช้งานเอง และระบบที่ลูกค้าภายนอกใช้งาน? วิค แมนโคเชีย รองประธานฝ่ายงานยุทธศาสตร์โซลูชั่น ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทซีเอ เทคโนโลยี กล่าวและเสริมว่า ?อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นหากวางกลยุุทธการใช้แอพพลิเคชั่นโมไบล์ไม่เหมาะสมก็คือ อาจทำให้ปฏิบัติตามกฏระเบียบภาครัฐได้ไม่ครบถ้วน ข้อมูลภายในบริษัทรั่วไหลไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือได้ผลกระทบต่อชื่อเสียงของแบรนด์จากแอพพลิเคชั่นที่มำงานได้ไม่ดีพอ ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างของความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น จากการขาดยุทธศาตร์ในภาพรวมขององค์กร ? ประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจในการสำรวจครั้งนี้ได้แก่: ขณะนี้เรื่องแอพพ์มีความสำคัญมากที่สุด แต่เดิมไอทีเคยเน้นหนักที่อุปกรณ์ แต่ตอนนี้โอกาสของลู่ทางความสำเร็จใหม่ๆ อยู่ที่แอพพ์โมไบล์ 71 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้เลือกประเด็นแอพพ์โมไบล์สำหรับลูกค้า หรือพนักงานใช้ คือเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด (เทียบกับ 38 เปอร์เซ็นต์ที่เลือก ประเด็นการนำเครื่องส่วนตัวมาใช้ที่ทำงาน หรือ BYOD และการบริหารจัดการเครื่องของพนักงาน) การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนบุคคล ยังคงสำคัญอยู่เช่นเดิม และไม่ใช่เฉพาะในด้านตัวอุปกรณ์ที่ใช้งานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านการรักษาความปลอดภัยของแอพพ์ อีกด้วย มากกว่าหนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้ระบุออกมาว่า ปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนบุคคล ยังคือแรงท้าทายอันดับหนึ่งที่เผชิญ โดยประเทศที่ห่วงเรื่องการรักษาความปลอดภัยมากที่สุดคือจีน (49 เปอร์เซ็นต์) และประเทศที่ห่วงเรื่องนี้น้อยที่สุดคือเกาหลีใต้ (15 เปอร์เซ็นต์) ระบบโมไบล์เปลี่ยนวิธีทำงานของธุรกิจ บริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การทำงานในยุคที่มีการใช้อุปกรณ์โมไบล์มากขึ้นเรื่อยๆ มี 38 เปอร์เซ็นต์ต้องปรับนโยบายและยุทธศาตร์ด้านการรักษาความปลอดภัยระบบกันใหม่ ในขณะที่มีอีก 37 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กรและปรับบทบาทการทำงานและหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานใหม่ องค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก คาดหวังว่า ยุทธศาตร์ด้านโมไบล์ระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์จะส่งผลในแง่ประโยชน์กับตัวลูกค้า มี 89 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้บรรลุผลตามเป้า หรือคาดหวังไว้ว่าจะบรรลุผลตามเป้าในด้านการเพิ่มความพึงพอใจจากลูกค้า มี 88 เปอร์เซ็นต์ได้บรรลุผลตามเป้า หรือคาดหวังไว้ว่าจะบรรลุผลตามเป้าในแง่ที่มีลูกค้าผู้ใช้บริการซอฟต์แวร์และเซอร์วิสมากยิ่งขึ้น ?ซีเอ เทคโนโลยี ที่จะช่วยเสริมจุดที่ขาดไปเพื่อให้มีการดูแลจัดการระบบโมไบล์ระดับเอนเทอร์ไพรว์ในภาพรวม ? วิค แมนโคเชีย ระบุ ? รายงานนี้ได้ย้ำให้เห็นว่า การลงทุนที่ผ่านมาของเราในด้านระบบดมไบล์และเทคโนโลยีล้ำหน้าอื่นๆ มีความสำคัญมากเพียงใด และชัดเจนว่าระบบไอทีที่ใช้กันทั่วไปในขณะนี้ยังรับมือการใช้งานโมไบล์ได้ไม่ทั่วถึง? วิธีการสำรวจและวิจัยตลาด บริษัท Vanson Bourne ได้ดำเนินการสำรวจ ที่สนับสนุนการทำวิจัยโดยซีเอ เทคโนโลยี ในครั้งนี้ โดยมีขั้นตอนการสัมภาษณ์สอบถามความเห็นของผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจในด้านไอทีกว่า 1300 รายจากทั่วโลก ที่ทำงานเกี่ยวข้องอยู่ในสายธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเงินและการธนาคาร งานสาธารณสุข อุตสาหกรรมการผลิต ภาคราชการและงานบริการสาธารณะชน และโทรคมนาคม ใน 21 ประเทศทั่วโลก สำหรับในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ผู้ที่ตอบแบบสอบถามมาจากออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์และเกาหลีใต้ โดยการสำรวจมีการสอบถามในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2013 โดยผู้ที่ตอบแบบสอบถามในรายงานฉบับนี้ เป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในระดับผู้บริหารไอที ผู้บริหารทั่วไป ผู้บริหารโปรเจ็กต์หรือวางระบบโครงสร้างในบริษัทธุรกิจระดับเอนเทอร์ไพรซ์ที่กิจการมีรายรับไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมากกว่านั้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ