ทรงเป็นพระประมุขที่ทำตามความต้องการของประชาชน

ข่าวทั่วไป Friday December 20, 2013 17:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--แพน ดิจิตัล ซิสเต็ม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรในทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะรับทราบถึงปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนและความต้องการของราษฎร ทรงซักถามเรื่องราวต่างๆ ในทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปยังพื้นที่ชนบท ทำให้ทรงรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากราษฎรเอง และจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งทรงสังเกตสภาพทางภูมิศาสตร์และสังคมไปพร้อมๆ กัน ทรงรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไว้ เป็นแนวทางที่จะพระราชทานพระราชดำริในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรเหล่านี้ให้ดีขึ้น สามารถพึ่งตนเองได้ ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและยั่งยืน ม.ล.จิรพันธุ์ ทวีวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงาน กปร.) ได้เล่าให้ฟังถึงการได้ปฎิบัติหน้าที่ในการติดตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า เมื่อปี พ.ศ. 2533 ได้เข้ามาทำงานที่สำนักงาน กปร. โดยรับผิดชอบเขตภาคใต้ มีโอกาสตามเสด็จ ทำหน้าที่ติดตาม ดร.สุเมธ ตันติเวชสกุลและนายสมพล พันธ์มณี เลขาธิการ กปร. ในสมัยนั้นทุกครั้ง ก่อนที่จะมีการแปรพระราชฐาน ทีมงานจากสำนักงาน กปร. ประกอบด้วยกองพื้นที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่บันทึกภาพ จะเดินทางลงพื้นที่ก่อน ทุกคนต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา อย่างการเสด็จพระราชดำเนินพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เมื่อพระองค์เสด็จไปถึงสนามบินนราธิวาส ทางกรมชลประทานจะถวายรายงานโครงการที่เป็นการบ้านจากปีที่ผ่านมาที่ทรงพระราชทานพระราชดำริไว้ จากนั้นพระองค์จะเสด็จทอดพระเนตร ความคืบหน้า การเสด็จพระราชดำเนินแต่ละครั้งพระองค์จะไม่แจ้งล่วงหน้า จะทรงงานอย่างรวดเร็ว เช่น แจ้งหมายกำหนดการในช่วงกลางคืนวันจันทร์วันอังคารช่วงบ่ายพระองค์ก็จะเสด็จพระราชดำเนินทันที กลับมาในช่วงตอนกลางคืนรับแจ้งหมายกำหนดการในการเสด็จของวันต่อไป ตอนเช้าเจ้าเหน้าที่กรมชลประทาน กับสำนักงาน กปร. ก็ไปเตรียมพื้นที่ เพื่อรอรับเสด็จมีเวลาไม่มากนักตอนเย็นพระองค์จึงเสด็จฯพระราชดำเนินไปดุพื้นที่นั้น ในการทรงงานของพระองค์จะทรงวินิจฉัยให้โครงการแต่ละโครงการเอื้อประโยชน์แก่ราษฎรอย่างแท้จริง อย่างโครงการมูโนะ ซึ่งเป็นโครงการด้านแหล่งน้ำแห่งแรกของ จังหวัดนราธิวาส พระองค์ทรงอธิบายว่าควรมีการแยกน้ำเสีย น้ำดี น้ำเปรี้ยว และน้ำจืดออกจากกัน มีรับสั่งว่าไม่ต้องมีสถานีสูบน้ำเพื่อสูบน้ำส่งไปในพื้นที่ของราษฎร แต่ให้ยกระดับน้ำขึ้นโดยก่อสร้างคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นเพื่อให้น้ำไหลเข้าไปในพื้นที่โครงการมูโนะ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวของราษฎร เช่นบริเวณเกาะสะท้อน อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น รองเลขาธิการ สำนักงาน กปร. ได้กรุณาเล่าให้ฟังด้วยความประทับใจว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ได้มีโอกาสติดตามการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ชนบทห่างไกล พระองค์ทรงทุ่มเทในการอุทิศพระวรกายในการทรงานเพื่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ทรงเตรียมความพร้อมพระองค์เป็นอย่างดี นับตั้งแต่การใช้แผนที่ ดูข้อมูลของชาวบ้านในพื้นที่ ดังที่ท่านสุเมธตันติเวชกุล ได้กล่าวไว้ว่านี่คือการทำประชาพิจารณ์กับประชาชน ตั้งแต่สมัยนั้น ก่อนที่จะมีคำฮิตคำนี้ด้วยซ้ำไป พระองค์ทรงรู้จริง และทรงตรัสถามทุกเรื่อง ถ้าหากชาวบ้านไม่เห็นด้วย ก็จะรับสั่งว่าไม่ต้องทำ อย่างโครงการชลประทานขนาดเล็กที่ปัตตานี คือโครงการกาลุแป ที่ตรงนั้นเป็นเหมืองแร่เก่า ทางกรมชลประทานมีแผนจะทำเขื่อนดินเพื่อกั้นน้ำเพื่อให้ราษฎรใช้ในช่วงฤดูแล้ง แต่มีชาวบ้านรายหนึ่งไม่เห็นด้วย พระองค์ก็ทรงรับสั่งว่ายังไม่ต้องทำให้รอไปก่อน และให้ดูความเหมาะสมด้านวิชาการ ฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านอย่างทั่วถึง จึงเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ไม่ใช่คำสั่ง พระองค์ทรงรับสั่งว่าทุกโครงการต้องดูให้รอบคอบ ให้เหมาะสมทางด้านวิชาการ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสังคม พระองค์ทรงมุ่งเน้นเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน แต่หากติดขัดอะไรก็เก็บไว้ทำทีหลัง เมื่อประชาชนมีความต้องการจริงๆ ตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ทรงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น 6 แห่ง ทั่วภูมิภาคของประเทศ โดยให้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ดินมีปัญหา ให้การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นตัวอย่าง เน้นการพัฒนาด้านการเกษตรสมบูรณ์แบบ จัดระบบเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์อย่างเหมาะสม พัฒนาแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า “ปัจจุบันการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรไม่เหมือนเมื่ออดีต แต่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงงานแทน ซึ่งทรงติดตามงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกเหนือจากงานประจำของพระองค์ โดยสำนักงาน กปร. ก็จะติดตามเสด็จทุกครั้งทุกพื้นที่ ทุกวันนี้เรื่องต่างๆ ที่สำนักงาน กปร. ทำก็จะถวายรายงานขึ้นไป โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังคงทรงงานและ ได้พระราชทานพระราชดำริในการดำเนินงานของโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง “ม.ล.จิรพันธุ์ ทวีวงศ์ กล่าว มาถึงวันนี้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้วว่าความสำเร็จของการพัฒนาในด้านต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้แต่เพียงมีส่วนในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรไทยเท่านั้น หากแต่ยังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า นานาประเทศก็สามารถเรียนรู้จากนวัตกรรม เทคนิค และแบบอย่างต่างๆ ของงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเฉพาะยุทธวิธีในการทำให้ราษฎรมีความมั่นคงในชีวิตภายใต้แนวทาง การพัฒนาที่เหมาะสมอย่างยั่งยืนและมั่นคง ณ วันนี้ทั่วโลกต่างตระหนักถึงพระปรีชาญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะที่ทรงเป็นผู้นำด้านการพัฒนาสังคมและประเทศอย่างมีทิศทาง ส่วนชาวไทยนั้นยิ่งตระหนักว่า ทุกคนล้วนมีบุญยิ่งนักที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้ ที่มีพระประมุขที่ทรงเป็นผู้ให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ