กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,231 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,234 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 33.02 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,150 บาท กับ 19,250 บาท และกลับมาปิดที่ 19,150 บาท กับ 19,250 บาท
ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,009 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 3,913 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 3% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 4.7% GFG13 ปิด 19,490 บาท และ GFJ13 ปิด 19,590 บาท GF10G13 ปิดที่ 19,490 บาท GF10J13 ปิดที่ 19,580 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 13.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,238.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 8.3 เซ็นต์ ที่ระดับ 20.11 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 794.62 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 1.48 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 93.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 28.64 จุด ปิดที่ 16,469.99 จุด
ข่าวที่สำคัญ
สัญญาทองคำตลาด COMEX ปรับตัวสูงขึ้น 13.4 เหรียญ หรือคิดเป็น 1.09% ปิดตลาดที่ระดับ 1,238.6 เหรียญ/ออนซ์
นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำเป็นโอกาสในการสะสมทองคำ หลังจากที่ราคาทองคำได้ร่วงลงไป 28% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524
ราคาทองคำปิดปรับตัวสูงขึ้นสำหรับปี2014หลังจากที่กองทุนใหญ่ปิดรอบบัญชีและเริ่มปรับบัญชีอีกครั้ง
ผลสำรวจจากคิทโก้ได้รับการตอบรับทั้งหมด17รายจาก34ราย พบว่า 10รายมองว่าราคาจะขึ้น 6รายมองว่าราคาจะลงและอีก1รายมองว่าไม่เปลี่ยนแปลง
การ์ดี้นักวิเคราะห์จากโฟนิคฟิวเจอร์สกล่าวว่า ทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจเกิดจากเม็ดเงินได้ถูกโยกย้ายออกจากตลาดหุ้นบางส่วนหลังจากที่ตลาดหุ้นนั้นได้ปรับตัวสูงขึ้น
นักวิเคราะห์ระบุว่า แรงซื้อเก็งกำไรและแรงช้อนซื้อช่วยหนุนราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ยังพบสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในทองคำแท่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเอเชีย จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 2 สัปดาห์
สถิติข้อมูลจากสภาทองคำโลกในลอนดอน ระบุว่า อุปสงค์ในอัญมณี ทองคำแท่ง และเหรียญกษาปณ์ของจีน ปรับตัวสูงขึ้น 30% สู่ระดับ 996.3 ตันในช่วง 12 เดือนนับสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. ขณะที่อินเดียยังเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ลำดับที่ 2 ที่มีปริมาณการซื้อเพิ่มขึ้น 24% ที่ระดับ 977.6 ตัน
SPDR ยังคงไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังคงถือครองทองคำอยู่ที่ระดับ 794.62 ตัน
นายเบน เบอนันเก ประธานเฟดคนปัจจุบัน เปิดเผยเมื่อคืนวันศุกร์ว่า การปรับลดขนาด QE จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการต่างๆของเฟดในเรื่องการปรับลดขนาดอัตราดอกเบี้ย และ พบว่าหลายอย่างนั้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นฟื้นตัวขึ้นและเติบโตไปเร็วกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็น ตลาดการเงินที่ดีขึ้น ตลาดบ้านที่ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราต้องระมัดระวังมากขึ้น
สภาสูงสหรัฐฯจำทำการออกเสียงรองรับ เจเน็ต แยลเลนว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ในคืนวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 5.00 ตามเวลาประเทศไทย อย่างเป็นทางการที่จะเริ่มปฎิบัติหน้าที่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 ถึง มกราคมปี 2018
สำหรับเฟดนั้นเจเน็ต แยลเลน ที่จะมาทำหน้าที่ต่อจาก เบน เบอร์นันเก้ที่จะทำการค่อยๆปรับลดเม็ดเงินอัดฉีดลงในระบบ หลังจากที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษพยายามลดความร้อนแรง ในตลาดบ้านขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นต้องปรับนโยบายเพื่อต่อต้านเงิน เฟ้อที่ยังคงอ่อนแอ
บอนด์ยีลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับในรอบ 2 ปี เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรสู่ระดับ 1.3597 จากเดิมที่ระดับ 1.3654 ดอลลาร์/ยูโร
สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่ประธานเฟดเผยว่าการปรับ QE จะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย รวมทั้งดอลลาร์ขานรับต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งหลายรายการ ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเฟดอาจตัดสินใจยุติการใช้มาตรการ QE
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายภายหลังจากการเทขายทำกำไรวันก่อน เนื่องจากการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างมากของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในปี 2556
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทสามารถทำ high ใหม่ที่ระดับ 33.04 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี นักบริหารเงินกล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงต้นสัปดาห์หน้าคงต้องจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.90 – 33.20 บาท/ดอลลาร์
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวาน
-ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญคืนนี้
- ISM Non-Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 53.9 ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 54.6
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากทุกตลาดกลับมาเปิดในช่วงต้นปีใหม่ ปริมาณการซื้อขายเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยที่ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดทองคำอย่างหนาแน่น ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ยังอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นเล็กน้อย และคำปราศรัยของนายเบน เบอนันเก ก็เป็นลักษณะกลางๆที่จะบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และพยายามที่จะค่อยๆลด QE ออกไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.3585 ดอลลาร์/ยูโร โดยที่ตลาดทองคำดูจะขึ้นอย่างค่อนข้างโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นและตลาดอื่นๆ สำหรับค่าเงินบาทเองกลับมาอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจากสภาวะการเมืองภายใน และจากการที่ค่าเงินดอลลาร์เองแข็งค่าขึ้นทำให้เงินในภูมิภาคเอเชียโดยภาพรวมเองกลับมาอ่อนค่าลงเช่นเดียวกัน ในเช้านี้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 33.12 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 10 สตางค์เมื่อเทียบกับวันศุกร์ ขณะที่ SPDR ยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 794.62 ตัน ในค่ำคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจได้แก่ ISM Non-Manufacturing ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำดูจะเป็นลักษณะ Buttom Out จากระดับ 1,200 เหรียญขึ้นมา และสามารถทะลุระดับแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,220 เหรียญได้ และ 1,232 เหรียญเป็นแนวต้านที่สอง ทำให้ในเชิงเทคนิค ดูราคาทองคำดูจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,250 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,230 เหรียญ ในขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมของราคาทองคำในรูปของค่าเงินบาทดูจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน ราคาทองคำจะมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,273 เหรียญ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังแนะนำให้ปิดสถานะ Short และเปิดสถานะ Long นักลงทุนที่ถือ Short อยู่ควรที่จะทำ Stop Loss ออกไปเพื่อบริหารความเสี่ยง และเล่นตามกลยุทธ์ทิศทางขาขึ้น ทำกำไรเป็นรอบในระยะสั้น
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
แนะนำให้ขายทำกำไรเป็นรอบๆ เล่นสั้น
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำให้ทำ Stop Loss ปิดสถานะ Short ออกไปให้หมด
Gold Futures G14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,440 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,640 บาท
Gold Futures J14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,540 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,740 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง