บล.ทรีนีตี้ แนะจัดพอร์ตการลงทุนแบบ Market Theme รับมือหุ้นผันผวน เผยดัชนีเดือนแห่งความรักที่ 1,220 - 1,320 จุด เป็นจังหวะเก็บหุ้นมูลค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 10, 2014 15:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ก.พ.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง บล.ทรีนีตี้ จัดทำบทวิเคราะห์รายงานภาพรวมการลงทุนรายเดือน The Big Picture สนับสนุนความมั่งคั่งให้นักลงทุน เสนอแนวทางการลงทุนแบบ Market Theme จัดพอร์ตถือหุ้นยาว 2-3 เดือนมองตลาดหุ้นไทยเดือนแห่งความรักยังผันผวนในกรอบ 1,220-1,320 จุด เผยผลตอบแทนระยะ 43 เดือนของการจัดพอร์ตเติบโต 442% สูงกว่า SET Index ที่โต 60% แนะลงทุนหุ้นกลุ่มบลูชิพ-ส่งออก-พลังงานทางเลือก-อสังหาฯ-หุ้นสื่อสารที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่าบล. ทรีนีตี้ มีความตั้งใจที่จะให้ความมั่งคั่ง (Wealth) ของนักลงทุนเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยการใช้องค์ประกอบของความรู้ (Knowledge) เป็นตัวชี้นำ ทีมงานฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์จึงได้ทำการศึกษาและค้นพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นเหมาะจะเป็นการลงทุนโดยใช้ “Market Theme” ที่มีระยะการลงทุนประมาณ 1-3 เดือนเป็นสำคัญ ผลการศึกษาพบว่าการลงทุนแบบ “Market Theme” จะให้ผลตอบแทนนักลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการลงทุนระยะยาว สำหรับการลงทุนแบบ Market Theme ในแต่ละเดือนที่บล.ทรีนีตี้แนะนำได้ผ่านการทดสอบการลงทุนแบบย้อนหลังมาในระดับหนึ่งแล้ว โดยหุ้นที่แนะนำใน The Big Picture สำหรับเดือนมกราคมที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน -0.2% ในขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทน -1.9% ในขณะที่ย้อนหลังระยะเวลา 43 เดือนของการจัดตั้ง The Big Picture และจัดพอร์ตการลงทุนแบบ Market Themes ให้ผลตอบแทนทั้งหมด +442% เทียบกับ SET index ที่ +60% สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ บล.ทรีนีตี้ มองว่าทิศทางดัชนี SET Index จะยังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,220 - 1,320 จุด หากปัจจัยทางการเมืองไม่มีเหตุการณ์ใหม่ที่น่าแปลกใจเกิดขึ้น ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปัจจัยสนับสนุน อาทิเช่นระดับ Forward PE ของ SET Index ปรับสู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ในขณะที่ Earning yield gap ของ SET Index เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ยังคงอยู่เหนือกว่าระดับค่าเฉลี่ยระยะยาว อย่างไรก็ดี SET Index ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะ Risk off ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการเมือง อาทิ มติการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช.ต่อรักษาการนายกฯเกี่ยวกับคดีทุจริตจำนำข้าว และปัญหาการเมืองที่ยังคงไม่มีบทสรุปจะเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาวต่อไป ดร.วิศิษฐ์ กล่าวแนะนำการลงทุนว่า จากการที่ดัชนีมีการปรับฐานช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีหุ้นบางบริษัทมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจ โดยหุ้นที่แนะนำสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ได้แก่ หุ้นกลุ่มบลูชิพที่มีระดับ Price to book เท่ากับหรือต่ำกว่า 1 เท่า ได้แก่ BBL ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 230 บาท, BANPU ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 29.20 บาท นอกจากนี้ แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มส่งออกและกลุ่มวัฏจักรที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ CPF ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 37 บาท, HANA ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 26.25 บาท, SVI ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 4.50 บาท, PTTGC ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 89 บาท, หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกที่มีผลประกอบการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีนี้ ได้แก่ EA ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 11.10 บาท, IFEC ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 8.10 บาท, หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มักจะปรับตัวได้ดีหลังการเลือกตั้ง ได้แก่ SPALI ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 17.30 บาท และหุ้นกลุ่มสื่อสารที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ JAS ราคาเป้าหมายแบบ Consensus ที่ 9.80 บาท อนึ่ง รายงานบทวิเคราะห์ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยประจำเดือน "The Big Picture" นี้นำเสนอในรูปแบบความคิดรวบยอด (Concept) ในแง่ของปัจจัยผลักดัน (Drivers) และความเสี่ยง (Risks) เป็นการประเมินร่วมกันของทีมฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ที่เสนอมุมมองการลงทุนในภาพเชิงกว้างเป็นแนวทาง (Road Map) ครบทุกมุมมอง 360 องศา ทั้งในภาพเศรษฐกิจของตลาดโลก ภาคเศรษฐกิจไทย หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ และกลยุทธ์การลงทุน เพื่อให้การลงทุนมีข้อมูลครบถ้วนหลากหลาย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ