กรมสุขภาพจิต ชวนคนไทย รู้ตื่น พูดจาภาษาดอกไม้

ข่าวทั่วไป Tuesday February 11, 2014 16:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--กรมสุขภาพจิต จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยไม่รู้ว่าทางออกของปัญหาจะเป็นไปในทิศทางใด หรือจะจบลงอย่างไร นั้น นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในด้านหนึ่ง ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่หันมาให้ความสำคัญและใส่ใจกับปัญหาบ้านเมืองของตนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเรื่องที่น่าห่วงสำหรับสังคมไทย คือ การเกิดปรากฏการณ์การถ่ายทอดวาทกรรมผ่านสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงประชาชนอย่างรวดเร็วในวงกว้างด้วยคำพูดที่รุนแรงสร้างความเกลียดชังกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกของทุกฝ่ายท่ามกลางสถานการณ์เปราะบางของบ้านเมือง ที่ถึงแม้มิได้ส่งผลกระทบในทันที แต่ระยะเวลาของความขัดแย้งที่ยาวนานย่อมเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง คนในสังคมเกิดความเครียดและกังวลสูง สัมพันธภาพและความเอื้ออาทรต่อกันมีน้อยลง ทำให้สังคมขาดความสุข ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจภาวะสุขภาพจิตของประชาชนต่อสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่พบว่า การได้รับฟังคำพูดที่รุนแรง เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความเครียด นอกจากนี้ ประชาชนเกินครึ่ง ยังมองว่า การใช้คำพูดที่รุนแรงเป็นเรื่องธรรมดาของการแสดงออกถึงความเกลียดชังฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสังคมไทยเริ่มคุ้นชินกับการใช้คำพูดที่รุนแรงซึ่งมีแนวโน้มไปสู่พฤติกรรมที่รุนแรงมากขึ้นได้และจะส่งผลต่อเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะซึมซับคำพูดและพฤติกรรมที่รุนแรงต่อไป อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ในโอกาสวันมาฆบูชา ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ วันเดียวกันกับวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก จึงถือเป็นโอกาสดี ที่ทุกคนจะใช้วันสำคัญนี้ร่วมกันแสดงพลังแห่งความรักและพลังแห่งการทำความดี โดยเริ่มจากตัวเองและครอบครัวเพื่อเรียกความสุขกลับคืนมา จากการรู้ตื่น พูดจาภาษาดอกไม้ ด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ไพเราะ นุ่มนวล มีแต่ความจริง ไม่พูดปด พูจเท็จ หยาบคาย ตลอดจน ไม่พูดส่อเสียด ยุแหย่ ใช้ถ้อยคำด่าหรือคำหยาบโลน พูดกันด้วยความจริงใจ เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย ความเห็นอกเห็นใจ ให้อภัย ซึ่งจะช่วยสร้างความสุข สร้างกำลังใจ ลดทอนการเป็นศัตรู ส่งมอบมิตรภาพ และความเมตตา ที่สำคัญช่วยสร้างความสุขให้กับคนอื่นที่อยู่ใกล้ชิดได้ นอกจากนี้ การพูดจาภาษาดอกไม้ท่ามกลางความขัดแย้ง ยังสะท้อนถึงการรู้ตื่นของบุคคลที่มีสติคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาหากใช้คำพูดที่รุนแรง ประกอบกับแสดงให้เห็นถึงการมีเมตตา รู้จักให้อภัย เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเหล่านี้ย่อมนำมาซึ่งความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกัน นำไปสู่การหาทางออกของความขัดแย้งร่วมกันได้ในที่สุด ในวันมาฆบูชา นอกจากเข้าวัด ฟังธรรม ทำกิจกรรมสำคัญทางศาสนาร่วมกันแล้ว ลองใช้โอกาสวันสำคัญนี้มาร่วมกันสร้างความรัก ความผูกพันและสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและเพื่อนฝูง ด้วยการพูดจาภาษาดอกไม้ ไม่มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เพราะความรัก ความผูกพันและสายสัมพันธ์ที่ดีย่อมมีค่ามากกว่าความห่างเหินหมางเมิน โกรธแค้น หรือเกลียดชังกันด้วยเรื่องการเมืองเพียงเรื่องเดียว เปิดใจให้กว้าง รับฟังความเห็นที่แตกต่าง พูดจาดีต่อกัน ลดหรือหยุดรับคำพูดที่รุนแรงลงบ้างในวันนี้ เปลี่ยนมาร่วมกันสร้างกระแส กระตุกสังคม ส่งต่อคำพูดดีๆ ให้แก่กัน ผ่านสังคมออนไลน์แทน เป็นต้น ที่สำคัญ ต้องมีสติกับความคิด การพูด และการกระทำของตัวเอง อย่าเชื่อหรือปล่อยตัวเองไปตามข้อมูลในทันที ตลอดจน เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ครอบงำความคิดความรู้สึกของคู่สนทนา รวมทั้ง ระมัดระวังในการพิมพ์หรือแชร์ภาพและข้อความที่รุนแรงตอบโต้กับคนที่เห็นต่าง เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นและยั่วยุให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก "มาฆบูชา รู้ตื่น พูดจาภาษาดอกไม้ เริ่มกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อก้าวผ่านความขัดแย้ง เรียกความรักและความสุขกลับคืนมาสู่สังคมไทยร่วมกันอีกครั้ง" อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ