กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--WorkLink
PPS กวาดกำไรปี 56 ที่ 19.33 ล้านบาท โต 26.67% ทำสถิติสูงสุดรอบ 27 ปี เตรียมประกาศปันผล 72% ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น 23 เม.ย. จ่ายปันผล 7 พ.ค. นี้ เผยแผนปี 57 ลุยรับงานภาคอสังหาฯ ค้าปลีก เพื่อเพิ่มพันธมิตรคู่ค้า บุกงานบริหารโครงการในพม่า ลาว และกัมพูชา ขณะที่งานออกแบบ เดินหน้าเสนองานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โชว์มูลค่างานในมือ 268.72 ล้านบาท
นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 56 ว่า บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 291.10 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.81 ล้านบาท หรือ 9.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 265.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 19.33 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.07 ล้านบาท หรือ 26.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 15.26 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรดังกล่าวถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 27 ปีของบริษัท
“ผลประกอบการของ PPS มีการเติบโตเนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานบริหารโครงการในประเทศมากขึ้น โดยมีสัดส่วนจากงานภาคเอกชนเป็นหลัก มีการรับรู้รายได้จากงานบริหารโครงการในประเทศกลุ่ม AEC รวมทั้งมีการรับรู้รายได้จากงานออกแบบในกลุ่มประเทศแอฟริกาประกอบกับมีการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลประกอบการมีการเติบโตอย่างเด่นชัด” นายธัช กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้มีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของกำไรสุทธิ โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เม.ย. 57 ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 เม.ย. 57 และทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พ.ค. 57
สำหรับแผนการดำเนินงานของ PPS ในปีนี้ ตั้งเป้าผลประกอบการจะเติบโตประมาณ 10% โดยมุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีงานใหม่ต่อเนื่อง เข้าเสนองานลูกค้ากลุ่มใหม่ในภาคธุรกิจที่มีการลงทุน อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก เพื่อเพิ่มพันธมิตรคู่ค้า และรุกงานบริหารโครงการในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC อาทิ พม่า ลาว และกัมพูชา อีกทั้งจะขยายงานออกแบบและงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เข้าเสนองานกับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่มูลค่างานในมือ ณ สิ้นปี 56 อยู่ที่ประมาณ 268.72 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 57 จำนวน 148.96 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้จนถึงปี 2560