กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--ปตท.
ฝ่ายกลยุทธ์และแผนธุรกิจ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สรุปรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 0.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 109.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 0.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 102.77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 0.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 105.39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น 0.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 121.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลง 0.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 123.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวว่ายังไม่เห็นความจำเป็นในการใช้กำลังการทหารกับยูเครนในช่วงเวลานี้ และสั่งเคลื่อนทหารที่เสร็จสิ้นการซ้อมรบกลับเข้าสู่ฐานทัพ ทั้งนี้คาดว่ายังมีทหารกว่า 16,000 ราย ประจำอยู่ที่คาบสมุทรไครเมีย ทางด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงกดดันรัสเซียให้ยุติการแทรกแซงการเมืองภายในประเทศยูเครน โดยสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการการคว่ำบาตรกับรัสเซีย
- Reuters รายงานอิหร่านส่งออกน้ำมันดิบเดือน ม.ค. 57 เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนหน้า โดย 4 ประเทศผู้นำเข้าหลักน้ำมันดิบอิหร่านคือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพิ่มอัตราการนำเข้า 0.22 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิหร่านกล่าวว่าอิหร่านมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากระดับปัจจุบันที่ 3.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี พ.ศ. 2568
- EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ. 57 เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 363.8 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดย Reuters คาดการณ์เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- Markit Economics รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของยูโรโซนในเดือน ก.พ. 57 อยู่ที่ 52.6 จุดเพิ่มขึ้น 1.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้า เติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปีครึ่ง
- นาย Meftah Lamin โฆษกของกลุ่มผู้ประท้วงปิดแหล่งน้ำมันดิบ El Sharara (340,000 บาร์เรลต่อวัน) ในลิเบียกลับคำพูดหลังการเจรจากับรัฐบาลที่จะเปิดดำเนินการแหล่งน้ำมันโดยเปลี่ยนมาปิดแหล่งน้ำมันดิบดังกล่าวจนกว่ารัฐบาลยอมตกลงให้ข้อเรียกร้องตามที่กลุ่มผู้ประท้วงขอ ทั้งนี้กลุ่มผู้ประท้วงในลิเบียที่ยึดแหล่งผลิตน้ำมันดิบสำคัญทางตะวันออกของประเทศพยายามลักลอบขายน้ำมันดิบ โดยมีเรือบรรทุกน้ำมันดิบ Morning Glory สัญชาติเกาหลีเหนือรับน้ำมันดิบปริมาณกว่า 300,000 บาร์เรล คิดเป็น มูลค่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากท่า Es Sider ขณะที่กองทัพเรือลิเบียขู่จะจมเรือดังกล่าวหากเดินทางออกจากท่า เพราะถือว่าเป็นการขโมยน้ำมันจากรัฐบาลลิเบียและหากเรือดังกล่าวถูกโจมตีจนจมลงจริง กลุ่มผู้ประท้วงจะถือว่าเป็นการประกาศสงครามของรัฐบาลต่อกลุ่มผู้ประท้วง
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานอัตราว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment Rate) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 6.7% เนื่องจากมีจำนวนผู้ว่างงานเริ่มต้นเข้ามาหางานในตลาดแรงงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ก.พ. 57 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 175,000 อัตรา เทียบกับเดือนก่อนหน้าสูงกว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์ Reuters คาดการณ์
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตัวเลขภาคการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีเกินคาด แม้ว่าอัตราการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะประชาชนสหรัฐฯ เริ่มกลับเข้ามาหางานในตลาดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราการว่างงานยังใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติทำให้ตลาดแรงงานลดความร้อนแรงลงในช่วงต้นปี นอกจากนั้นปัญหาในยูเครนยังไม่ยุติ ภายหลังรัฐบาลของยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัสเซียลงคะแนนเสียงในสภาให้เขตปกครองพิเศษ Crimea ตกไปเป็นของรัสเซีย และจะมีการลงประชามติในประเด็นดังกล่าวในวันที่ 16 มี.ค. นี้ เหตุการณ์ของยูเครนที่ส่อเค้าบานปลายส่งผลนักลงทุนและผู้ค้าเข้าซื้อเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดกลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับเพิ่มสถานะการซื้อสุทธิ (Net Long Position) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า Nymex ที่นิวยอร์ก และ ICE ที่ลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 มี.ค. 57 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5,127 สัญญา จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 397,285 สัญญา สูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. 49 อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของจีนส่งสัญญาณในทิศทางลบ ภายหลังบริษัท Chaori ในจีนมีการผิดนัดชำระดอกเบี้ยมูลค่า 89 ล้านหยวน (14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ของหุ้นกู้ (Corporate Bond) โดยมีการจ่ายจริงต่ำกว่า 5% ของมูลค่าดังกล่าว แสดงถึงฐานะและวินัยทางการเงินของบริษัทในจีนเริ่มมีปัญหา โดยมีรายงานว่าบริษัทหลายแห่งในประเทศมีการกู้ยืมเงินนอกระบบเป็นจำนวนมาก ทำให้ธนาคารกลางจีนและรัฐบาลไม่สามารถตรวจสอบมูลค่าเงินกู้และวงเงินหนี้ที่แท้จริงได้ ซึ่งปัญหาการผิดนัดชำระหนี้จะเป็นปัญหาสำคัญต่อเศรษฐกิจจีนปีนี้ ในสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีแนวรับแนวต้านทางเทคนิคที่ 107.37-110.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 101.33-105.22 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ของสิงคโปร์ลดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์โดย International Enterprise of Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค. 57 ลดลง 982,000 บาร์เรล หรือ 6.9% จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 13.27 ล้านบาร์เรล เป็นการลดลงครั้งแรกหลังทำสถิติปริมาณสำรองน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้ โรงกลั่นน้ำมัน Mailiao (540,000 บาร์เรล) ของบริษัท Formosa ในไต้หวันเลื่อนการส่งมอบ Gasoline เดือน มี.ค. 57 จำนวน 2 เที่ยวเรือ ปริมาณรวม 250,000 บาร์เรล ออกไปเนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับทางเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 120.12 – 123.22 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงหลังจาก EIA รายงานปริมาณสำรอง Distillates เชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ. 57 เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 114.48 ล้านบาร์เรล กอปรกับอุณหภูมิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้อุปสงค์สำหรับ heating oil ลดความร้อนแรงลง อย่างไรก็ตามเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่น Mailiao (540,000 บาร์เรล) ของบริษัท Formosa ในไต้หวันส่งผลให้โรงกลั่นตัดสินใจลดอัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น 6-10% มาอยู่ที่ระดับ 460,000 – 480,000 บาร์เรล สำหรับทางเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 121.37- 124.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล