“JMART” มองเทรนด์มือถือปี 57 ยังแรงต่อไม่หยุด บวกบ.ลูกยังไปได้สวยหนุนรายได้ทั้งเครือโตกว่า 35%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 11, 2014 11:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--IR PLUS JMART วางเป้าปี 57 โตต่อเนื่อง ตามดีมานด์ตลาดมือถือในประเทศที่มีอยู่อีกมาก แถมวางเป้าขยายสาขาในพม่าเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 30 สาขา จากปัจจุบันมี 10 สาขา เชื่อ เป้าหมายรายได้ทั้งปี เฉพาะเจมาร์ทโตได้อีก 40% จากปีก่อน ส่วนบริษัทลูก “JMT” และ “เจเอเอส แอสเซ็ท” ประเมินผลงานปีนี้จะเติบโตได้อีก ตามพื้นฐานธุรกิจที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง หนุน เจมาร์ท กรุ๊ป มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 35% ส่วนกำไรสุทธิของทั้งกลุ่มเติบโตอีก 25% จากปี 2556 พร้อมเดินหน้านำ JAS เข้าจดทะเบียนใน SET ตามรอบบริษัทฯ อื่น ในเครือช่วงไตรมาส 2/2558 นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปี 2557 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน สาเหตุหลักจากภาพรวมตลาดมือถือในประเทศที่ค่อนข้างคึกคัก หลังผู้ให้บริการโครงข่ายในประเทศดำเนินการทางการตลาดและออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเร่งให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนมาเป็นระบบ 3G สนับสนุนให้เจมาร์ทมียอดขายเติบโตขึ้น อีกทั้งบริษัทลูก ประกอบด้วย บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) คาดว่าในปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากธุรกิจการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด มีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ให้เช่า รวมถึง การขยายธุรกิจไปสู่ศูนย์การค้าชุมชน และนอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนให้ภาพรวม เจมาร์ท กรุ๊ป เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จึงตั้งเป้าหมายผลประกอบการรวมทั้งกลุ่มในปี 2557 เจมาร์ท กรุ๊ป มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35 จากปี 2556 อยู่ที่ 9,665.11ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิของทั้งกลุ่มจะเติบโตประมาณร้อยละ 25จากปี 2556 อยู่ที่ 400.19 ล้านบาท “เจเอเอส แอสเซ็ท เป็นบริษัทย่อยของเจมาร์ท ที่ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ปัจจุบัน อยู่ระหว่างนำ เจเอเอส เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) รวมทั้งผู้ถือหุ้น ของเจมาร์ท ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 50,000,000 บาท เป็น 320,390,000 บาท เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/2558 ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นของเจเอเอส จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของเจมาร์ทในเจเอเอสลดลงเหลือสัดส่วนร้อยละ 67.50 ของทุนจดทะเบียนของ เจเอเอส” นายอดิศักดิ์ กล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 295 สาขา จากเมื่อสิ้นปี 56 อยู่ที่ 250 สาขาตามภาพรวมตลาดมือถือในปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากในปัจจุบัน มือถือมีบทบาทสำคัญ และกลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต จากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง จากการออกมือถือรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแข่งขันอย่างรุนแรงของค่ายมือถือต่างๆ จากการพัฒนาโครงข่ายสัญญาณมือถือในประเทศที่ทยอยเปลี่ยนมาใช้ระบบ 3G ส่งผลให้ค่ายมือถือมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ในการออกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดใจลูกค้าส่งผลต่อยอดขายบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจในประเทศพม่า มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการมุ่งเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน มีสาขาที่ย่างกุ้งทั้งสิ้น 10 สาขา พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มในปีนี้ให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า30 สาขา จากทิศทางการเติบโตในพม่าที่มองว่ายังมีอยู่อีกมาก เนื่องจากในปี 2556 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเริ่มต้นของการให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ และจะเป็นปีที่ตลาดมือถือในพม่าเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย “เจมาร์ท จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในฐานะผู้จำหน่ายมือถือที่มีส่วนแบ่งการตลาดเยอะที่สุด อีกทั้งตลาดมือถือในปัจจุบันมีแต่เติบโตยิ่งขึ้น เจมาร์ท จึงมุ่งเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ตลาดมือถือที่เพิ่มขึ้น มุ่งเน้นการบริการหลังการขาย เพื่อการบริการที่ดีที่สุด หนุนผลประกอบการเจมาร์ททั้งปีให้เพิ่มขึ้นอีก 40% จากปีก่อนอยู่ที่ราว9 พันล้านบาท ส่วนบริษัทลูก JMT ซึ่งอยู่ในตลาดฯ ก็คาดว่าในปีนี้จะมีทิศทางเติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้ง ธุรกิจเช่าพื้นที่ของเจเอเอส ก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้น และมีแผนขยายธุรกิจเพิ่มเติมอีก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาเป็นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์อีกตัวหนึ่งในช่วงต้นปีหน้า จากปัจจัยข้างต้น เชื่อ จะหนุนภาพรวมธุรกิจของทั้งเครือ เจมาร์ท กรุ๊ปให้เติบโตอีก 35% จากปีก่อนได้สำเร็จ ” นายอดิศักดิ์ กล่าว สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำปี (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556)งบการเงินรวมมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 400.19 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 340.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.42 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9,665.11 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,943.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,721.47 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.67 เนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 1,668.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.87 จากปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 330.08 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 216.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.38 เนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้ค่าส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 134.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 94.49 เนื่องจาก บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มธุรกิจมือถือ, กลุ่มอุปกรณ์เสริมและกลุ่มผู้ให้บริการโครงข่าย พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2556 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 62,936,041 บาท และจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 104,893,402 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 104,893,402 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 18 เมษายน 2557 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2557 โดยในปี 2556 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลรวมหุ้นละ 0.71 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ