กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
เอสเอ็มอี กลุ่มภาคใต้ตอนล่าง รอจังหวะขยายลงทุน กลุ่มรับเหมา-บริการ เล็งแบงก์รัฐ เข้าถึงแหล่งทุน แห่ขอ บสย.ค้ำประกันฯร่วม 400 ล้านบาท
นายเอกพร นิโรจน์ ผู้จัดการสำนักงานสาขาอาวุโส เขตสงขลา บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และบรรยากาศการลงทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เขตภาคใต้ตอนล่าง 8 จังหวัดใน ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่คึกคักเท่าที่ควร โดยปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์ทางการเมือง กับราคายางพารา ตกต่ำ ทำให้เศรษฐกิจ กลุ่มภาคใต้ตอนล่างชะลอตัว ทั้งนี้ ยังเห็นได้จากตัวเลขการค้ำประกันในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่ามีการค้ำการประกัน เพียง 127 โครงการ มียอดค้ำประกัน เพียง 264 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 28 ก.พ. 57 ) แยกเป็นยอดค้ำประกันเดือนมกราคม รวม 71 โครงการ วงเงินค้ำประกัน 146 ล้านบาท และยอดค้ำประกันเดือนกุมภาพันธ์ รวม 56 โครงการ วงเงินค้ำประกัน 118 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ การค้าการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวของภาคธุรกิจในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีแนวโน้มสดใสขึ้น จากสถิติการลงทะเบียนออนไลน์ล่าสุดภายในบูธบสย. ในงานมันนี่ เอ็กซ์โป 2014 ที่ จังหวัดสงขลา พบว่า มีจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและบุคคลทั่วไป ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ รวม 309 ราย แบ่งเป็น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 82 ราย กลุ่มนักศึกษา พนักงานเอกชน 113 ราย กลุ่มราชการและรัฐวิสาหกิจ 47 ราย รวมอื่นๆอีก 67 ราย โดยยังพบว่าในปีนี้ ผู้ประกอบการมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว หรือราว 184 ล้านบาท ในปี 2556
สำหรับปีนี้ พบว่า มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สนใจที่จะประกอบธุรกิจจำนวน 158 ราย มีความต้องการสินเชื่อ จำนวน 30 ราย และมีความต้องการเข้าถึงสินเชื่อ เป็นวงเงินกว่า 458 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจในเขตจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ยังมีโอกาสขยายตัวในทิศทางที่ดี โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวนมากยังรอจังหวะและโอกาส การลงทุนครั้งใหม่ จากการขยายสินเชื่อของกลุ่มสถาบันการเงินกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคใต้ และมีความต้องการให้บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ โดยมองหาแหล่งเงินทุน จากกลุ่มแบงก์รัฐเป็นหลัก หลังจากที่แบงก์พาณิชย์ ชะลอการปล่อยสินเชื่อ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ประกอบการรับเหมางานภาครัฐ ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและรับเหมางานประปา ต้องการสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการ กว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในกลุ่มธุรกิจโรงโม่หิน ที่มีความต้องการวงเงินสินเชื่อถึง 100 ล้านบาท และต้องการให้บสย.เข้าไปค้ำประกัน ยังไม่รวมกลุ่มธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่มีความต้องการสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก
จึงมั่นใจว่า เมื่อเข้าสู่ไตรมาส 2 สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับภาคธุรกิจจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น และได้เห็นการขยับตัวของภาคการลงทุนอย่างแน่นอน โดยบสย.ได้เตรียมแผนและมาตรการเพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจในภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในวันที่ 17 มีนาคมนี้ บสย.สาขาสงขลา ได้เตรียมจัดกิจกรรม “TCG Orientation” สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รายใหม่ของบสย. เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจระบบการค้ำประกันสินเชื่อ และรู้จักภารกิจของบสย.มากยิ่งขึ้น โดยยังได้สอดแทรกเนื้อหาด้านการทำธุรกิจระบบบัญชีการเงินและการวางแผนธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับลูกค้าบสย.ตลอดปีนี้