โนอิ้ง บุดด้าเริ่มเดินหน้าช่วยชาวนาไทยกลุ่มแรกจากวิกฤติประกันราคาข้าว

ข่าวทั่วไป Friday April 4, 2014 10:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--องค์กรโนอิ้ง บุดด้า ระดมเงินบริจาคได้ทั้งหมดกว่า 4.7 ล้านบาท เป้าหมายเบื้องต้นเกษตรกร 310 ครัวเรือนจากสุรินทร์ บุรีรัมย์ และสิงห์บุรี โครงการระดมทุนขององค์กรโนอิ้ง บุดด้าเพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบการจ่ายเงินล่าช้าของรัฐบาลจากโครงการรับจานาข้าวประสบความสาเร็จอย่างงดงาม โดยได้รับคาขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจจากเกษตรกรที่เข้าร่วมเพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้รับความช่วยเหลือแบบไม่หวังผลตอบแทน ในขณะที่ประธานองค์กรเผยอยากเห็นคนไทยร่วมกันช่วยเหลือกระดูกสันหลังของชาติโดยก้าวข้ามอคติและความหวาดกลัวทางการเมืองในเรื่องความเป็นข้าง เพราะชาวนาเฝ้ารอคอยเงินประกันข้าวด้วยความทุกข์ใจและมีความเป็นอยู่อย่างลาบากมากในขณะนี้ เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาองค์กรโนอิ้ง บุดด้านาโดยประธานองค์กรและผู้ก่อตั้ง อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ได้จัดงานทอดผ้าป่าชาวนาไทยขึ้นที่ธรรมสถาน อาเภอแก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อเป็นขวัญและกาลังใจแก่กลุ่มเกษตรกรจาก ต. น้าตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรีซึ่งมีทั้งหมด 10 หมู่บ้าน โดยเกษตรกรแต่ละครอบครัวได้เงินช่วยเหลือ ครอบครัวละ 2,500 บาท เป็นเงินทั้งหมด 364,500 บาท สาหรับเงินที่เหลือ ได้จัดตั้งเป็นกองทุนสารองเพื่อการกู้ยืมโดยจานวนเงินที่แต่ละหมู่บ้านได้รับขึ้นอยู่กับจานวนชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรวมเงินกองทุนทั้งหมด 80,000 บาท ขณะนี้ได้ส่งเงินช่วยเหลือรวมแล้วทั้งสิ้น 985,882 บาท สาหรับเงินที่เหลือจานวน 3,770,000 บาทนั้นทางองค์กรจะนาไปมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ชาวนาที่จังหวัดสิงห์บุรี บุรีรัมย์ และสุรินทร์ต่อไป อาจารย์อัจฉราวดีกล่าวว่าแม้เงินที่ได้จะเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเงิน 140,000 ล้านบาทที่ประเทศสูญเสียไปในโครงการ แต่อย่างน้อยก็เป็นเงินยังชีพของเกษตรกรให้เป็นขวัญกาลังใจยืนหยัดสู้ชีวิตต่อไป และเกิดกาลังใจว่ามีคนร่วมชาติที่ห่วงใยและไม่ทอดทิ้ง กลุ่มเกษตรกรที่มาในงานวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มเกษตรกรเป้าหมายเบื้องต้นขององค์กรคือกลุ่มเกษตรกรที่อาศัยในจังหวัด อ่างทอง สิงห์บุรี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่กาลังเดือดร้อนเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศโดยหลักการช่วยเหลือยังคงเดิมคือ เงินที่ได้จะนามาตั้งเป็นกองทุนประทังชีพ มีการประสานงานแจกจ่ายเงินผ่านผู้นาชุมชนท้องถิ่นเท่านั้นเนื่องจากเป็นผู้รู้ปัญหาของสมาชิกชุมชนเป็นอย่างดีและเงินจะถึงตัวผู้ที่เดือดร้อนอย่างแน่นอนโดยไม่ผ่านองค์การบริหารส่วนตาบลและองค์การบริหารส่วนจังหวัด อาจารย์อัจฉราวดีกล่าวว่า “จากการพูดคุยสอบถามหน่วยงานที่ทางานกับชาวนา ผู้นาชุมชนและตัวชาวนาเองเราพบว่าเงินนี้จะเข้าไปช่วยพยุงสถานการณ์ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจาวันได้ ทุกครอบครัวที่มาในงานวันนี้ยังคงรอคอยเงินจากรัฐบาลอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ชาวนาตกอยู่ในสถานะความเป็นเหยื่อมาโดยตลอด ทั้งเป็นเหยื่อของความยากจน เหยื่อทางการเมือง เหยื่อนายทุน วันนี้ชาวนาได้เห็นน้าใจของพี่น้องชาวไทย ที่ไม่ทอดทิ้งชาวนาผู้มีคุณว่ามีอยู่จริง ชาวนาเหมือนแม่คนที่ 3 ที่ทาให้กายเราเติบโตได้ด้วยข้าว เมื่อชาวนาประสบทุกข์เพียงนี้ เราจะยืนดูเขาร้องไห้โดยไม่ออกมาแสดงความช่วยเหลือได้อย่างไร” ประธานองค์กรยืนยันถึงการเป็นตกเป็นเหยื่อของชาวนาจากกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ว่าการประสานมารับมอบเงินช่วยเหลือทาได้ยากยิ่ง เพราะตัวกลุ่มชาวนาเองก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครนาเงินมาให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ทาให้บางคนคัดค้านไม่กล้ามา กลัวถูกหลอกเพราะไม่เคยมีหน่วยงานใดที่เสนอความช่วยเหลือลักษณะนี้แบบให้เปล่ามาก่อน เช่นเดียวกับกลุ่มชาวนาทีั่จังหวัดกาญจนบุรีที่ประสานความช่วยเหลือไปเรียบร้อยก็ถูกยกเลิกกลางคันเพราะถูกกลุ่มอิทธิพลการเมืองขวาง “ยิ่งในขณะนี้ สถานการณ์ที่ยืดเยื้อทาให้ข่าวของชาวนายิ่งถูกกลบด้วยการสร้างสถานการณ์ซ้อนสถานการณ์เพื่อให้คนลืมความทุกข์ของชาวนา ทั้งๆ ที่ปัญหายังไม่เคยได้รับการแก้ไข เมื่อมีข่าวใหม่ๆ ผุดขึ้นมา ข่าวความเดือดร้อนของชาวนาก็เลือนหายไป” อาจารย์อัจฉราวดีกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อเกษตรกรมาถึงสถานที่จัดงานและเห็นนักปฏิบัติธรรมกว่า 700 คนรอต้อนรับอย่างเนืองแน่น ทาให้ความแคลงใจมลายไปสิ้น เกษตรกรหลายคนถึงกับหลั่งน้าตาด้วยความดีใจเช่นเดียวกับกับตัวแทนกลุ่มชาวนาที่กล่าวขอบคุณทั้งน้าตา "ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับใบประทวน ตั้งแต่วันนั้นก็มีแต่ความเครียด ตั้งแต่เดือนพฤศิจกายนปีที่ แล้วที่ไม่ได้รับเงิน พวกเรามีความทุกข์ใจมาก แต่วันนี้มีความสุขมากเหมือนจู่ๆ ฝนตกลงมาแบบไม่มีตั้งเค้า เป็นฝนที่ตกลงมาแรงมากเป็นความชุ่มชื่นให้กับทุกสรรพสิ่ง" นางออมสิน กุลรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านน้าตาล ต.น้าตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กล่าว พร้อมกับบอกว่าในยามลาบาก เงินเพียง 2,500 บาทเป็นสิ่งมีค่ามากและจะพยายามรักษาไว้ให้นานที่สุด นายวันชัย เกตุแก้ว ชาวนาวัย 68 ปีจากจังหวัดสิงห์บุรีกล่าวว่าตนและเพื่อนๆ ตอนแรกไม่อยากมาเพราะกลัวว่าจะถูกหลอกใช้โดยกลุ่มการเมือง แต่ก็ตัดสินใจมาและดีใจมากที่เห็นว่ายังมีคนกลุ่มเล็กๆกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยและเสริมว่าสังคมตอนนี้ไม่อยากยุ่งกับชาวนาแล้ว เพราะกลัวถูกโยงเข้ากับการเมือง วันนี้ดีใจมากที่ยังมีคนเห็นความสาคัญของอาชีพนี้ กลุ่มเกษตรกรได้เปิดเผยว่าจนบัดนี้ยังไม่ได้รับเงินจากรัฐบาลเลย และไม่ได้รับแจ้งความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่าเรื่องดาเนินการไปถึงไหนแล้ว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งการจ่ายเงินประกัน "ตอนนี้แทบไม่รู้จะเอาอะไรไปจานาแล้ว และไม่อยากเป็นหนี้สินเพิ่มจากการกู้ยืมนอกระบบมากไปกว่านี้ อยากขอความเห็นใจจากทุกฝ่ายด้วยว่าเราลาบากจริงๆ" นายอานันท์ พงษ์ช้าง อายุ 39 ปีกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ