กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--ปภ.
นายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่ม ให้ระวังการเกิดเหตุภัยพิบัติในพื้นที่ โดยเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก โคลนถล่ม และดินถล่ม มักเกิดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักบริเวณภูเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนน้ำสะสมมากจนพื้นดินและต้นไม้ดูดซับไม่ไหว จึงไหลบ่าลงสู่ที่ราบต่ำอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน จึงขอให้ประชาชนเตรียมรับภัยดังกล่าว โดยสังเกตสภาพพื้นที่ที่ตนอาศัย โดยพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม ดินถล่ม จะมีลักษณะดังนี้ อยู่ติดภูเขาหรือลำห้วย พื้นที่เดิมมีร่องรอยแนวของดินไหลลงจากภูเขา ในช่วงฝนตกมีรอยแยกพื้นดินบนภูเขา และมีกองดินโคลนบริเวณโคนต้นไม้ในหมู่บ้านหลังฝนตกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพื้นที่นั้นเป็น
จุดที่เคยเกิดน้ำป่าหรือน้ำท่วมมาก่อน ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น
นายสุนทร กล่าวต่อไปว่า ก่อนเกิดภัยน้ำท่วม ดินถล่ม มักจะมีสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ ดังนี้ มีฝนตกหนักถึงหนักมาก หากตกติดต่อกันเกินกว่า 6 ชั่วโมง จะมีโอกาสเกิดน้ำป่าไหลหลากสูง ระดับน้ำในแหล่งน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สีของน้ำเปลี่ยนเป็นสีดินของภูเขา เช่น สีแดง สีอมเทา รวมทั้งมีเสียงดัง เนื่องจากต้นไม้ล้ม หินกลิ้งลงมาตามลาดเขา สัตว์ป่าแตกตื่นในระหว่างหรือหลังจากฝนตกใหม่ๆ บนภูเขา หากสังเกตพบสัญญาณผิดปกติข้างต้น ให้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิดน้ำป่าหรือดินถล่มบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสียงน้ำท่วม ดินถล่ม ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว หากพบสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก โคลนถล่ม ต้องรีบแจ้งเตือนภัยให้คนในหมู่บ้านทราบอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด อย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สมบัติ ให้พยายามรักษาชีวิตคนเองไว้เป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ลำพังการเกิดเหตุการณ์โคลนถล่มอย่างเดียว คงจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักมีภัยแทรกซ้อนเข้ามากับการเกิดน้ำป่าไหลหลาก และโคลนถล่ม เช่น ท่อนซุง ท่อนไม้ ลอยมาตามน้ำและโคลนที่ถล่มลงมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากการตัดไม้ทำลายป่า การทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และบ้านเรือนประชาชนอย่างมหาศาล ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลรักษาผืนป่า อย่าตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการตัดไม้ทำลายป่าหรือทำไร่เลื่อนลอยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามมาตรการทาง--จบ--