เอสซีจีแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2557เดินหน้าขยายการลงทุนควบคู่กับพัฒนาสินค้านวัตกรรม พร้อมรุกส่งออก มุ่งสู่ผู้นำอาเซียนอย่างยั่งยืน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 7, 2014 14:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--เอสซีจี ผลประกอบการเอสซีจี ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2557 มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของทุกธุรกิจ แต่กำไรลดลงเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ประกาศลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท จัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ใน สปป.ลาว พร้อมผลักดันสินค้านวัตกรรมต่อเนื่อง โดยลงทุนผลิตกระดาษ Glassine เป็นรายแรกของอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในภูมิภาคที่สูงขึ้น และประกาศร่วมทุนกับ Florim ประเทศอิตาลี ตั้งโรงงานผลิตกระเบื้องเซรามิกระดับไฮเอนด์ในอิตาลีบุกตลาดโลก นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานประจำไตรมาส 1 ปี 2557 ของเอสซีจี มีรายได้จากการขาย 121,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของทุกธุรกิจ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกธุรกิจ มีกำไรสำหรับงวด 8,381 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ธุรกิจมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ถึงกว่า 1,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และการฟื้นตัวของธุรกิจกระดาษ สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 มีรายได้จากการขาย 10,261 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบัน เอสซีจีมีสินทรัพย์รวมในอาเซียน มูลค่า 73,041 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 มีมูลค่า 459,231 ล้านบาท ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2557 แยกตามรายธุรกิจดังนี้ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 47,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรวมผลการดำเนินงานของ Prime Group ผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิกชั้นนำของเวียดนาม บริษัทสยาม ซานิทารีแวร์ จำกัด และบริษัทสยามซานิทารีฟิตติ้งส์ จำกัด โดยมีกำไรสำหรับงวด 4,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 60,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 2,480 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ธุรกิจมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 900 ล้านบาท เอสซีจี เปเปอร์ มีรายได้จากการขาย 15,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,255 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น นายกานต์ เปิดเผยว่า “เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน เอสซีจียังคงเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ด้วยกำลังการผลิต 1.8 ล้านตันต่อปี โดยตั้งอยู่ในแขวงคำม่วน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2560 โรงงานดังกล่าวจะเป็นโรงงานปูนซีเมนต์ที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และช่วยยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของโรงงานอื่น ๆ ใน สปป.ลาวต่อไป สำหรับการพัฒนาสินค้านวัตกรรรม หรือสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนมูลค่า 1,825 ล้านบาทให้เอสซีจี เปเปอร์ ในโครงการปรับปรุงเครื่องจักรของบริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด เพื่อผลิตกระดาษ Glassine ซึ่งเป็นวัสดุรองหลังฉลากประเภท Pressure Sensitive เป็นรายแรกของอาเซียน กำลังการผลิต 60,000 ตันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในประเทศและภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในต้นปี 2559 นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้ร่วมทุนกับ Florim Ceramiche S.p.A. (“Florim”) ประเทศอิตาลี หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตกระเบื้องเซรามิกระดับโลก ในสัดส่วนร้อยละ 33 คิดเป็นมูลค่า 506 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโรงงานผลิตกระเบื้องเซรามิกระดับไฮเอนด์ ที่เมืองโบโลญญา (Bologna) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ภายใต้แบรนด์ COTTO ด้วยกำลังการผลิต 5 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในต้นปี 2558 สำหรับแนวโน้มธุรกิจของเอสซีจีปี 2557 คาดการณ์ภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์และสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศเติบโตลดลงโดยเฉพาะตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างอาจถึงกับชะลอตัวลงบ้าง ในขณะที่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนยังคงเติบโตได้ดี ด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ในช่วงขาขึ้นและฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกสูงขึ้นแต่ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนค่อย ๆ ชะลอตัวลง ด้านธุรกิจกระดาษคาดการณ์การส่งออกในอาเซียนดีขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้ากระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ เอสซีจีเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโดยรวมของอาเซียนยังคงเติบโตในระยะยาว จึงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออก ในไตรมาส 1 ปี 2557 เอสซีจีมีรายได้จากการส่งออก 32,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ารายได้จากการส่งออกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ปัจจุบัน สัดส่วนการส่งออกของเอสซีจีเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 27 เอสซีจี มียอดขายสินค้า HVA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกของปีนี้ เอสซีจีมียอดขายสินค้า HVA 40,894 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของยอดขายรวม ขณะที่สินค้า SCG eco value มียอดขาย 38,013 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31 ของยอดขายรวม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ