กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เดินหน้าสานต่อพันธกิจจัดให้เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งการรณรงค์เพื่อหยุดยั้งภาวะการขาดสารอาหารในเด็ก และสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือแก่เด็กๆ ยากไร้ให้สามารถเข้าถึงการมีโภชนาการอาหารที่เหมาะสมตามวัย พร้อมกับองค์กรศุภนิมิตสากลอีก 46 ประเทศทั่วโลก เพื่อรณรงค์เชิญชวนให้ทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนจิตอาสาทุกคน ร่วมมือกันหยุดยั้งภาวะทุพโภชนาการและความหิวโหย การขาดโอกาสทางการศึกษาในเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งการส่งเสริมความรู้ให้แก่ผู้ปกครองให้เห็นถึงความสำคัญของการกินอาหารเช้า และหาอาหารเช้าที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยจัดให้เป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์ขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ 1-8 พฤษภาคม และ ตลอดทั้งเดือนพฤษภาคม 2557 ในส่วนของประเทศไทย
สำหรับมูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังคงให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการทำงานเพื่อช่วยเหลือเด็กยากไร้ด้อยโอกาส ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการส่งเสริมให้เด็กด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมและเท่าเทียมกัน ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพของเด็ก เพราะการมีสุขอนามัยที่ถูกสุขลักษณะเป็นสิ่งจำเป็นให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น
นางจิตรา ธรรมบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตฯ กล่าวว่า จากการทำงานพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ มูลนิธิศุภนิมิตฯ พบว่ายังมีเด็กอีกจำนวนมากกว่า 5,000 คน ที่ยังไม่มีโอกาสรับประทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ เหมาะสมกับวัยและความต้องการทางร่างกายที่เด็กสมควรจะได้รับ โดยเฉพาะเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต ที่มีอายุระหว่างแรกเกิด ถึง 5 ขวบ และหลายคนกำลังประสบภาวะทุพโภชนาการ รวมทั้งเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคขาดสารอาหาร อีกกว่า 3,000 คน ซึ่งมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เร่งดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือโดยการขยายพื้นที่การทำงานจากเดิม 3 โครงการไปสู่ 8 โครงการ ใน 7 จังหวัด ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมูลนิธิศุภนิมิตฯ ไม่เพียงแต่จะให้ความช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมอาหารเช้าเท่านั้น แต่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาเด็กให้เติบโตสมวัยทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา
“ด้วยความยากจน เด็กๆ ยากไร้จำนวนมากแทบจะไม่เคยได้กิน ‘อาหารมื้อเช้า’ และต้องมาโรงเรียนพร้อมกับความหิว อีกทั้งพ่อแม่ของเด็กไม่สามารถจัดหาอาหารมื้อเช้าที่มีคุณค่าให้กับลูกๆ ได้ บางครั้งมื้อเช้าของเด็กๆ อาจมีแค่ข้าวเปล่ากับเกลือหรือพริกบดเท่านั้น เด็กๆ หลายคนจึงไม่ได้ทานทั้งข้าวเช้าและข้าวเย็น ต้องทนหิวมารอทานข้าวกลางวันที่โรงเรียน ทำให้เด็กจำนวนมากมีภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ตัวเล็กแคระแกร็นกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เมื่อเด็กรู้สึกหิว สมองก็จะคิดอะไรไม่ออก และเข้าข่ายเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร ทำให้เรียนตามเพื่อนไม่ทัน เพราะว่าไม่มีสมาธิในการเรียน ซึ่งส่งผลกระทบกับการเรียน” นางจิตรา กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อให้เด็กๆ เริ่มต้นวันใหม่อย่างอิ่มท้อง พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในแต่ละวัน มูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงจัด ‘โครงการมื้อเช้าเพื่อน้อง...ท้องอิ่ม’ เพื่อช่วยสนับสนุนให้เด็กได้รับอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมกับวัยที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ดำเนินงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ นอกจากนี้ยังเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาดูแลเด็กได้อย่างเต็มที่ ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารของครอบครัวเด็กที่ยากจน เสริมสร้างความตระหนักให้แก่ครู ผู้ดูแล ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ตามศูนย์เด็กเล็กต่างๆ โดยจัดอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักโภชนาการและสามารถจัดสรรอาหารที่มีคุณค่าและเหมาะสมกับเด็กๆ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการลดช่องว่างทางโอกาสในสังคม มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จึงของเชิญชวนท่านผู้มีเมตตาจิตทุกท่าน ร่วมสมทบทุนบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ด้อยโอกาสเหล่านี้ ผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิได้ที่ http://www.worldvision.or.th/breakfast4kids.html หรือโทรสอบถามเพื่อการบริจาคได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-381-8863 ถึง 5