สพฉ. ห่วงผู้ป่วยฉุกเฉินโรคหลอดเลือด

ข่าวทั่วไป Monday May 26, 2014 11:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สมอง คร่าชีวิตคนไทยอันดับต้นๆ แนะวิธีสังเกตอาการ “หน้าเบี้ยว-ปากเบี้ยว-พูดไม่ชัด” ให้รีบโทรสายด่วน 1669 ย้ำหากช่วยเหลืออย่างทันกาลผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูง วันที่ 24 พ.ค. ของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็นวันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก หรือวันหลอดเลือดสมอง(STROKE)ซึ่งโรคนี้ถือว่าเป็นโรคที่อันตรายมาก ที่สำคัญอยู่ในอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตคนไทย โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นดับ 2 ของประชากรอายุมากกว่า 60 ปี และเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ5 ของประชากรอายุมากกว่า 15-59 ปี อีกทั้งในแต่ละปีมีคนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 6 ล้านคน ส่วนในประเทศไทยโรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในผู้หญิง และเป็นอันดับสามในผู้ชาย ซึ่งผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยโรคดังกล่าว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ทันกาล แม้จะไม่เสียชีวิตแต่ส่วนใหญ่ก็มักเกิดความพิการ นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองถือเป็นหนึ่งในโรคฉุกเฉิน ที่ปัจจุบันมีอัตราการเจ็บป่วยฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น โดยโรคหลอดเลือดสมอง (STROKE) คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองหยุดชะงัก โดยปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้มีหลายปัจจัยทั้งที่ป้องกันได้และป้องกันไม่ได้ อาทิ อายุมากขึ้น หลอดเลือดสมองจะเสื่อมตามไปด้วย หรือเกิดภาวะการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าปกติ และคนที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น คือ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หรือผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง เป็นโรคหัวใจ สูบบุหรี่เป็นประจำ ขาดการออกกำลังกายก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีญาติใกล้ชิด หรือพบผู้ป่วยโรคดังกล่าว สามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ ผู้ป่วยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน มึนงง วิงเวียน ทรงตัวไม่ได้ ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ ซึ่งส่วนมากทุกอาการจะเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างฉับพลันดังนั้นผู้พบเห็นต้องรีบขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ โทรสายด่วน 1669 เพื่อนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างทันที โดยต้องระลึกเสมอว่าการรักษาผู้ป่วยโรคนี้จะต้องรีบส่งเข้ารักษาภายในเวลา3 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยจะลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือพิการ โดยแพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดชนิดฉีดผ่านทางหลอดเลือดดำ (Intravenous recombinant tissue-type plasminogen activator) ซึ่งสาเหตุที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากภายใน 3 ชั่วโมงแรกเซลล์สมองยังไม่ถูกทำลายอย่างถาวร และตัวยานี้จะกระจายเข้าไปละลายลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองทันที ช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองดังเดิม อย่างไรก็ตามการป้องเป็นการรักษาโรคหลอดเลือดสมองที่ดีที่สุด โดยต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมให้หลอดเลือดเกิดการตีบ อุดตัน หรือแตก คือต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคุมระดับความดันโลหิต ไขมัน และน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติควบคุมอาหารให้สมดุล หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม หวาน มันงดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ