ซีบีอาร์อีชี้โรงแรมในภูเก็ตรอดผลกระทบทางการเมือง

ข่าวอสังหา Thursday June 5, 2014 10:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--ซีบีอาร์อี กรุ๊ป อิงค์ บีอาร์อี ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ตเพิ่มขึ้นถึง 6.9% ต่อปี มาอยู่ที่ระดับ 962,953 คนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ประกอบกับมีจำนวนเที่ยวบินจากสายการบินนานาชาติที่บินตรงมายังภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้ตลาดพ้นจากผลกระทบในแง่ลบจากปัญหาทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยของโรงแรมระดับบน (ซึ่งมีราคาห้องพักสูงกว่า 2 พันบาท/คืน) อยู่ที่ระดับสูงกว่า 80% ณ ไตรมาส 1 ปี 2557 นอกจากนี้ โรงแรมต่างๆ ในภูเก็ตยังสามารถปรับราคาห้องพักรายวันโดยรวมให้สูงขึ้น 3.3% ต่อปี แต่สาเหตุใหญ่สืบเนื่องมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเปรียบกับสกุลเงินหลัก ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่า โรงแรมในภูเก็ตจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกราว 4,000 ห้องในช่วง 3 ปีข้างหน้า คิดเป็นเพิ่มขึ้น 25% จากจำนวนโรงแรมในภูเก็ตที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังพบว่าโรงแรมที่จะมีการก่อสร้างใหม่มีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งหมายความว่า อัตราเพิ่มของโรงแรมใหม่ในช่วง 3 ปีจากนี้จะมีจำนวนลดลง แม้ว่าจะมีปัญหาทางการเมือง แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ตอาจจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของโรงแรมใหม่ ซึ่งแสดงว่าอาจจะมีโอกาสที่ดีที่โรงแรมจะปรับราคาห้องพักให้สูงขึ้นอีก จีนและรัสเซียเป็นตลาดที่ใหญ่มากที่สุดที่เดินทางเข้ามายังสนามบินภูเก็ตด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 225,949 และ228,691 คนตามลำดับ โดยในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนติดลบที่ 1.6% ต่อปี ในขณะที่อัตราการเติบโตที่ผ่านมาอยู่ในระดับ +90% ต่อปี ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 20.4% ต่อปีในช่วงไตรมาสแรก ปี 2557 นักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศนี้ที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ตคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ส่วนตลาดหลักอื่นๆ ของภูเก็ต ได้แก่ สวีเดน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ในแต่ละประเทศ จากตัวเลขดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวของนักท่องเที่ยวในเอเชียและความไม่กังวลของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย แต่อย่างไรก็ตาม ภูเก็ตในปัจจุบันเริ่มต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซียเพิ่มมากขึ้น ต่างกับในอดีตที่กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักมีความหลากหลายมากกว่านี้หลายเท่า ความเสี่ยง ก็คือ อาจมีเหตุบางประการที่ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้ไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ อาทิ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรืออาจจะมาจากทัศนคติต่อประเทศไทยที่เปลี่ยนไป แม้ว่าตลาดโรงแรมของภูเก็ตจะยังคงดำเนินต่อไปได้ แต่ก็มิใช่ว่าโรมแรมในทุกระดับจะมีการเติบโต ทั้งนี้โรงแรมสามารถจำแนกได้ 4 ระดับ คือ ลักซ์ชัวรี่ เฟิร์สคลาส กลาง และราคาประหยัด พิจารณาจากอัตราค่าห้องพักที่ขายได้ อัตราเฉลี่ยของรายได้ต่อจำนวนห้องพักที่มีไว้จำหน่าย (REVPAR) เป็นการคำนวนจากค่าห้องพักและอัตราการเข้าพัก และเป็นวิธีมาตรฐานในการใช้วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน โรงแรมระดับเฟิร์สคลาส ซึ่งมีค่าห้องพักระหว่าง 4,000 - 10,000 บาทต่อคืนมีอัตราเฉลี่ยของรายได้ต่อจำนวนห้องพักที่มีไว้จำหน่ายดีที่สุด แสดงให้เห็นว่าภูเก็ตมิใช่แหล่งท่องเที่ยวสำหรับทัวร์ศูนย์ดอลลาร์ที่นักท่องเที่ยวต้องเข้าพักโรงแรมที่มีราคาถูกที่สุด และเจ้าของทัวร์หวังที่จะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นจากการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าและการเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซีบีอาร์อีเชื่อว่า ภูเก็ตจะยังคงเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย สนามบินภูเก็ตเองก็กำลังได้รับการขยายซึ่งจะช่วยลดปัญหาในเรื่องการรองรับผู้โดยสาร แม้การพึ่งพาตลาดหลักจากไม่กี่ประเทศจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แต่ตลาดเหล่านั้นก็ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต ในปีที่แล้ว ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศราว 100 ล้านคน แต่มีเพียง 4.7 ล้านคนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม คือ หากโรงแรมมีลูกค้าจากประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นลูกค้าหลัก ก็มีแนวโน้มว่าลูกค้าจากประเทศอื่นๆ อาจจะไม่เข้ามาพัก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการตลาดที่เป็นกลุ่มลูกค้าให้ดี รายได้ในระดับที่ดีที่สุดจะมาจากคุณภาพ มิใช่ปริมาณ ดังนั้น สำหรับตลาดโรงแรมในภูเก็ต ผู้กำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยว ผู้พัฒนาโรงแรม และเครือโรงแรมต่างๆ จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่ผลกำไรในระยะยาว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ