สมัครฯ เร่งดำเนินการศูนย์บริการข้อมูลแลกเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติงาน

ข่าวทั่วไป Wednesday August 27, 1997 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--27 ส.ค.--ทำเนียบรัฐบาล
คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาให้สำนักงานก.พ. เร่งดำเนินงานจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลแลกเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติงน เพื่อรวบรวมข้อมูลของข้าราชการลูกจ้างและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ประสงค์จะโอนย้ายสถานที่ปฏิบัติงานข้ามกระทรวง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีโอกาสสับเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้อยู่ใกล้กับที่อยู่อาศัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ จะช่วยลดจำนวนเที่ยวและระยะเวลาการเดินทางของเจ้าหน้าที่ฯ ทำให้ปัญหาการจราจรคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
พ.ต.ต.ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 6/2540 โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯว่าที่ประชุมได้พิจารณาให้สำนักงานก.พ.เร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลแลกเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติงาน ตามมติครม.เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 โดยให้สำนักงานก.พ.เป็นหน่วยงานกลาง เพื่อรวบรวมข้อมูลราชการ ลูกจ้างและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ประสงค์จะโอนย้ายข้ามกระทรวง เนื่องจากสำนักงานก.พ.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการบริหารงานบุคคลในภาคราชการ และเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของส่วนราชการต่าง ๆ โดยสำนักงานก.พ.จะพัฒนาตัวแบบและชุดคำสั่งเพื่อให้กระทรวงและทบวงต่าง ๆ รับไปดำเนินการ
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กระทรวงและทบวงต่าง ๆ ได้จัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลแลกเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติงานภายในกระทรวงเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้มีการรายงานแจ้งผลการดำเนินงานให้สจร.ทราบแล้ว 4 กระทรวง คือ กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม, กระทรวงศึกษาธิการ มีเจ้าหน้าที่ฯแจ้งโอนย้ายสถานที่ทำงานในกระทรวงเดียวกัน จำนวน 188 ราย และมีเจ้าหน้าที่ต้องการโอนย้ายต่างกระทรวงจำนวน 136 ราย
พ.ต.ต.ดร.ยงยุทธฯ กล่าววา โครงการศูนย์บริการข้อมูลแลกเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นการสนองความต้องการของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพมหานครหรือปริมณฑล ที่มีความประสงค์จะย้ายไปทำงานในหน่วยงานที่อยู่ใกล้บ้าน นอกจากนี้ยังเป็นการสนองนโยบายในการแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งจะเกิดผลดีกับทุกฝ่ายเพราะนอกจากจะช่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐฯ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดจำนวนเที่ยว ลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการเดินทางของเจ้าหน้าที่ฯอีกด้วย และหากผลการปฏิบัติตามโครงการนี้ได้ผลดีจะใช้เป็นแนวทางไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในเขตเมืองภูมิภาคที่ปัญหาการจราจรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ