กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--โฟร์พี.แอดส์
ผลสำรวจระบุ!!บุคลากรด้านวัคซีนของไทยต้องได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสามารถในด้านการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้ตามเป้าหมายเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการผลิตวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน
ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่าจากผลสำรวจความต้องการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนของหน่วยงานเครือข่ายในปีงบประมาณ 2556 พบว่าประเทศต้องพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้ตามเป้าหมายและก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการผลิตวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จึงได้จัดทำโครงการอบรมระยะสั้นเพื่อพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานเครือข่ายด้านวัคซีนให้มีความสามารถในการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐานสากลขึ้น โดยสร้างความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เข้ารับการอบรมจะสามารถนำกลับไปใช้ในการดำเนินงานได้จริง
ผอ.จรุง ให้ความเห็นว่าหากส่งบุคลากรไปฝึกอบรมที่ต่างประเทศนอกจากจะพัฒนาบุคลากรได้ในจำนวนที่จำกัดแล้ว ยังทำให้เสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ถ้าประเทศไทยสามารถพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมสำหรับพัฒนาบุคลากรได้เอง นอกจากจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วยังสามารถพัฒนาบุคลากรได้จำนวนที่มากกว่า นอกจากนี้ หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นยังสามารถรวบรวมให้เป็นหมวดหมู่เพื่อต่อยอดใช้ในการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนรุ่นต่อไปได้อีก และจะเกิดประโยชน์ต่อบุคลากรด้านวัคซีนอย่างมาก
ด้านดร.อัญชลี ศิริพิทยาคุณกิจ ผอ.สำนักส่งเสริมและสนับสนุนเครือข่ายด้านวัคซีนกล่าวว่า โครงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง GMP & Quality risk management for vaccine (มาตรฐานการผลิตที่ดี และการจัดการความเสี่ยงต่อคุณภาพวัคซีน) เป็นหลักสูตรที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยยังมีจุดอ่อนค่อนข้างมากในเรื่องศักยภาพของบุคลากรด้านการผลิตวัคซีน ปัจจุบันการผลิตวัคซีนถูกกำหนดด้วยมาตรฐานต่างๆ ตลอดกระบวนการผลิตจนถึงผู้ได้รับวัคซีน ทุกขั้นตอนการผลิตจะต้องมีคุณภาพตามเกณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำ - ปลายน้ำ
การจัดอบรมครั้งนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้ความเข้าใจ เรื่อง GMP และการจัดการความเสี่ยงในกระบวนการผลิตวัคซีน มีความเข้าใจในมาตรฐาน GMP ที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดของประเทศ รวมทั้งได้ทราบถึงหลักการและมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีในกระบวนการผลิตวัคซีน ซึ่งหลักสูตรนี้จะครอบคลุมมาตรฐานตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดทั้งหมด ผู้รับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตวัคซีนได้จริง เช่นเรื่องการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ เรื่องของสัตว์ทดลองที่นำมาใช้ในการทดสอบคุณภาพวัคซีนจะต้องได้มาตรฐาน เพราะวัคซีนที่จะนำมาใช้กับคนได้ต้องผ่านการทดสอบในสัตว์ทดลองเรียบร้อยแล้ว ถ้าเกิดปัญหาขึ้นในเรื่องของกระบวนการผลิตหรือมีความเสี่ยงทั้งหลายจะมีการแก้ไขอย่างไร ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะอยู่ในหลักสูตรการอบรมตลอดทั้ง 5 วัน โดยที่ผู้อบรมจะต้องมีการสอบทุกหัวข้อและคะแนนต้องผ่านอย่างน้อยร้อยละ 70 เมื่อสอบผ่านทางสถาบันฯ จะมอบประกาศนียบัตรให้
อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การผลิตวัคซีนใช้เองในประเทศ รวมถึงการส่งออกในตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้นั้น พบว่าสิ่งที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญก็คือการไม่ปฏิบัติตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ถึงแม้นโยบายจะกำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่การตัดสินใจของผู้บริหารหน่วยงานมีผลต่อความสำเร็จของผลิตภัณฑ์วัคซีน นโยบายของผู้บริหารที่เปลี่ยนไปมีผลกระทบให้ภารกิจการพัฒนาวัคซีนชะงัก หรือชะลอ ฉะนั้นถ้าต้องการให้ประเทศมีผลิตภัณฑ์วัคซีนชนิดใหม่เกิดขึ้น ผู้บริหารระดับสูงต้องให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ด้วยการสานต่อนโยบายและสืบทอดเจตนารมณ์ ทั้งนี้เพราะการพัฒนาวัคซีนแต่ละชนิดต้องใช้เงินทุนสูง ใช้เวลานานในการพัฒนา และระยะเวลาในการคืนทุนก็นานกว่าการผลิตยา เครื่องสำอาง แต่ถ้าเราทำสำเร็จสามารถผลิตวัคซีนได้เอง นั่นคือความภาคภูมิใจในการพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริง และเป็นการสร้างความมั่นคงของชาติ เพราะเราสามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพให้คนในชาติใช้ได้อย่างแน่นอนทั้งในภาวะปกติและในยามที่เกิดภาวะฉุกเฉินหรือมีการระบาด” ดร.อัญชลี กล่าว