บล.โกลเบล็ก ลุ้นสิ้นปี ดัชนี แตะ 1,649 จุด แนะลงทุนหุ้นพลังงาน –รับเหมา ดักทางเศรษฐกิจฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 18, 2014 15:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ชี้สถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ส่งผลตลาดหุ้นฟื้น เหตุนักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นการลงทุนอีกครั้ง ด้าน “ ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GBS เชื่อครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจาก คสช. เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ลุ้นดัชนีปีนี้ แตะระดับ 1,649 จุด ขณะที่ “ ธวัชชัย อัศวพรไชย ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ แนะ หุ้นกลุ่มพลังงาน ชูโรง จับตา PTTEP-PTTGC-PTT และ BANPU ราคาหุ้นถูก เชื่อผลการดำเนินงาน Q 2/57 เด่น ขณะที่ CK- STEC และ ITD มีศักยภาพมากสุดที่จะชนะการประมูลโครงการภาครัฐ นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช. ) เข้ามาบริหารรักษาความสงบของประเทศ พร้อมทั้งมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจ โดยสังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่ทยอยกลับมาคึกคักอีกครั้ง และจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึง การลงทุนในตลาดหุ้น มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งก็อาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะ ระดับ 1,649 จุด ได้ภายในสิ้นปีนี้ และจากปัจจัยการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจในข้างต้น ทางบล.โกลเบล็ก จึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่อิงกับแผนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ โดยเลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มที่บริษัทที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ “ การที่คสช. เข้ามาบริหารรักษาความสงบของประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในเรื่องการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะด้านตลาดหุ้นโดยจะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเล็งเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อภาพรวมในหลายธุรกิจ รวมถึงกลุ่มหลักทรัพย์ ที่เชื่อว่าจะมีวอลุ่มการซื้อขายเพิ่มขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าว ทางบล.โกลเบล็ก คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี57 ” นายธนพิศาล กล่าว ด้าน นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง 2557 ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,649 จุด ซึ่งถือว่าเป็นจุดทดสอบที่ระดับสูงสุดเดิมของปี2556 เพราะภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จากการเข้ามาบริหารประเทศ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับทาง คสช.ได้มีการวางโรดแมป ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งมีการหยิบเอาโครงการเมกะโปรเจ็กต์ มาดำเนินการต่อโดยคาดว่าประมาณไตรมาส 3/2557 จะเริ่มเห็นการดำเนินการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ และสร้างรายได้ให้ภาคประชาชน เชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวอย่างชัดตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็น ต้นไป ซึ่งไตรมาส 4/2557 จะเป็นไตรมาสที่เห็นตัวเชขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เด่นชัดที่สุด และจะส่งผลต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปรับตัวดีขึ้นในระยะยาวเช่นเดียวกัน “ ความเชื่อมั่นในประเทศเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ คสช.เข้ามารักษาความสงบ และได้วางแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ คาดว่าไตรมาส 3 ของปีนี้จะเห็นนโยบายเป็นรูปธรรม และเริ่มเห็นการลงทุน จึงมั่นใจว่าดัชนีสิ้นปีตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวทะลุไฮเดิมที่เคยทำไว้ที่ 1,649 จุด ” นายธวัชชัย กล่าว สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ในช่วงครึ่งปีหลังนั้น นายธวัชชัย กล่าวว่า ทางบล.โกลเบล็ก ยังคงแนะนำหุ้นในกลุ่มพื้นฐานหลักของประเทศ อาทิ หุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ยังคงน่าจับตา โดยแนะ “ ซื้อ ” หุ้นที่มี ผลประกอบการไตรมาส 2/2557 อัตราการเติบโตต่อเนื่อง อาทิ PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 185 บาท , PTTGC ราคาเป้าหมาย 84 บาท และ PTT ราคาเป้าหมาย 375 บาท นอกจากนี้ ทางบล.โกลเบล็ก ยังแนะนำ หุ้น กลุ่มรับเหมายังน่าสนใจ แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมารับข่าวได้ประโยชน์จากแผนโรดแมป แล้วก็ตาม แต่คาดว่าเมื่อมีการเปิดประมูล หุ้นกลุ่มนี้จะน่าสนใจมากขึ้น โดยเลือกหุ้นเด่น อาทิ CK ราคาเป้าหมาย 22 บาท , STEC ราคาเป้าหมาย 22.20 บาท และ ITD ราคาเป้าหมาย 4.84 บาท ซึ่งมีศักยภาพมากสุดที่จะชนะการประมูล ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อาทิ AMATA , HEMRAJ, ROJNA และ TFD ก็เป็นกลุ่มที่น่าจับตาอีกกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากจะได้อานิสงส์ จากการปลดล็อค อุปสรรคด้านการลงทุนของภาคเอกชน ในกรณีที่ผ่านมา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ไม่สามารถพิจารณาอนุมัติโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท รวมทั้งปัญหาการออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน ที่เรียกว่าว่าใบ รง.4 ที่ค้างอยู่ 870 แห่ง ดังนั้นมองว่าจากปัจจัยดังกล่าวหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์อีกกลุ่มหนึ่งจากเรื่องดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ