TCDC เปิดเทศกาลปล่อยแสง 12 ตอน “พริก...พลิกธุรกิจเงินล้าน” ระดมแม่ทัพธุรกิจเผยเคล็ดลับก้าวไกลระดับโลก

ข่าวทั่วไป Monday June 30, 2014 08:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC ตอกย้ำภารกิจสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์ เปิดเทศกาลปล่อยแสง ครั้งที่ 12 ภายใต้ชื่อตอน “พริก...พลิกธุรกิจเงินล้าน” ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2557 ณ ห้องนิทรรศการ 2 จัดแสดงเรื่องราวของพริก พืชเศรษฐกิจของไทยที่ผู้ประกอบการมากไอเดียต่างนำไปดัด ปรับ แปลงจนกลายเป็นหลากหลายผลิตภัณฑ์ชื่อดัง ซึ่งนอกจากพริกจะช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกพริกแล้ว ยังสามารถสร้างงานให้กับภาคการผลิตตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชนไปจนถึงผู้ประกอบการขนาดใหญ่ระดับประเทศ เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและยาของไทยให้ก้าวหน้า โดยในแต่ละปีประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกพริกมากกว่า 3,000 ล้านบาท (ศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์) เรียกได้ว่า “พริก” เป็นพืชเศรฐกิจที่มีความเผ็ดร้อนรอบด้านอย่างแท้จริง นายพิชิต วีรังคบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและกิจกรรม ศูนย์สร้างสรรค์ งานออกแบบ กล่าวถึงเทศกาลปล่อยแสงว่า “แก่นหลักของงานนี้คือ การเชื่อมต่อธุรกิจ การส่งต่อไอเดียสร้างสรรค์ซึ่งกันและกัน โดยงานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ เข้ามามีส่วนร่วมให้ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ไปด้วยกัน โดย TCDC ยึดแนวคิดนำสิ่งต่าง ๆรอบตัว ที่เป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของไทย มาต่อยอดความคิดและการออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้านั้น ๆ ได้ โดยในปีนี้ทาง TCDC ได้จัดเทศกาลปล่อยแสง ในตอน “พริก...พลิกธุรกิจเงินล้าน” ซึ่งได้แนวคิดมาจากความสำคัญและประวัติอันยาวนานของพริกที่อยู่คู่กับภาคเกษตรกรรม จึงหยิบยกเรื่องราวความเผ็ดร้อนของพริก ที่สะท้อนให้เห็นโอกาสและมุมมองที่น่าสนใจมารวบรวมและนำเสนอใหม่อย่างรอบด้าน เพื่อจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และนำเสนอช่องทางการทำธุรกิจเกี่ยวกับพริกที่ประสบผลสำเร็จในรูปแบบต่าง ๆ จากตัวอย่างของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จและมีกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้เข้าชมงานนี้จะได้ทำความรู้จักกับพริก สัมผัสธุรกิจต่าง ๆ ที่ต่อยอดจากพริก รวมถึงรับคำปรึกษาทางธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับพริกได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น” ภายในงานเทศกาลปล่อยแสง ครั้งที่ 12 “พริก...พลิกธุรกิจเงินล้าน” ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่มาร่วมให้ข้อมูลถึงแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และค้นหาช่องทางจัดจำหน่ายที่ประสบผลสำเร็จ สามารถสร้างรายได้ที่ดีต่อภาคธุรกิจเป็นจำนวนมาก อาทิ คุณศิริพร แดงสุภา กรรมการผู้จัดการบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ทายาทรุ่นที่ 2 ของแม่ประนอม ได้ให้แนวคิด ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่า “อันดับแรกเราต้องมองความถนัดของเราก่อน โดยรุ่นคุณแม่ ซึ่งก็คือแม่ประนอม มีฝีมือในการทำน้ำพริกเผา และทางคุณพ่อซึ่งก็คือคุณศิริชัย มองเห็นว่าเราน่าจะหาโอกาสจากการทำธุรกิจนี้ได้ และมองว่าต่อไปคนจะทำงานมากขึ้นมีเวลาทำอาหารน้อยลง เราน่าจะผลิตสินค้าที่ง่ายและสะดวกต่อการปรุงอาหาร จึงเกิดขึ้นเป็นน้ำพริกเผาตราแม่ประนอมขึ้นมา ซึ่งเราเป็นรายแรก ๆ ที่ผลิตน้ำพริกเผาขนาดบรรจุพอดี พร้อมทำอาหาร ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จากนั้นเมื่อน้ำพริกเผาประสบความสำเร็จ จึงได้ต่อยอดเป็นธุรกิจอื่น ๆ แต่ก็คงไว้ในไลน์เครื่องปรุงประกอบอาหาร เพราะเราถนัดในธุรกิจด้านนี้ เราสามารถนำวัตถุดิบหลักซึ่งก็คือ พริก มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีกมากมาย อาทิ น้ำพริกต่าง ๆ น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มสุกี้ ซอสต่าง ๆ และน้ำพริกแกง เป็นต้น โดยตอนนี้ตลาดต่างประเทศเติบโตค่อนข้างมาก เพราะต่างชาตินิยมอาหารไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งหลักที่อยากจะฝากถึงนักธุรกิจในการต่อยอดธุรกิจก็คือ อันดับแรกควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละตลาดต่าง ๆ เพื่อจะได้ผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น อาทิ ตอนนี้สินค้าของแม่ประนอม ทางตลาดมาเลเซียเติบโตมาก คนมาเลย์ชอบรับประทานต้มยำ ทางแม่ประนอมก็ส่งไปขายแต่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบของประเทศเขา ที่จะต้องเป็นน้ำพริกเผาต้มยำแบบฮาลาลด้วย เป็นต้น” ต่อมา มาเสริมความรู้กับธุรกิจพริกบรรเทาปวดกับ ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บางกอกดรัก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาทาแก้ปวดแคปซิกา “จากการที่เภสัชกรและนักวิจัยได้ร่วมกันคิดค้นวิธีใช้สารสกัดจากพริกเพื่อผลิตเป็นตัวยาแก้ปวดชนิดทาภายนอก ถือเป็นการขยับบทบาทครั้งสำคัญให้สมุนไพรไทยกลายเป็นพระเอกในวงการยา โดยยาทาแก้ปวดแคปซิกาเป็นตัวอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากในเชิงธุรกิจ โดยยาทาแก้ปวดมีส่วนผสมของสารสกัดจากพริกพันธุ์ “ยอดสนเข็ม 80” ซึ่งเป็น สายพันธุ์พริกที่ บริษัท บางกอกดรัก จำกัด ได้วิจัยและจดสิทธิบัตรสายพันธุ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ยาทาแก้ปวด แคปซิกาสามารถใช้เป็นยาบรรเทาปวดระดับมาตรฐาน โดยตัวยาของแคปซิกาจะออกฤทธิ์กับตัวรับความรู้สึกปวดที่ปลายประสาทใต้ชั้นผิวหนัง ยับยั้งการส่งความรู้สึกปวดไปยังสมอง ทำให้ลดอาการปวดต่าง ๆ ได้อย่างชะงัด รักษาได้ทั้งอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ และปวดเส้นประสาท รวมถึงมีคุณสมบัติทัดเทียมกับยาแก้ปวดที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่มีราคาถูกกว่าและไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพ นอกจากนี้ทางบริษัทยังเตรียมออกไลน์สินค้าใหม่ ๆ ซึ่งจากการสำรวจตลาดเราเตรียมที่จะออกเจลลดเซลลูไลท์ กาแฟพริกลดน้ำหนัก ฯลฯ เป็นต้น โดยการออกผลิตภัณฑ์ ใหม่ ๆ ของบริษัท เรามุ่งเน้นเรื่องการวิจัยคุณสมบัติของพริกและพบว่าพริกมีคุณสมบัติที่ดีมากมาย เราจึงต่อยอดจุดเด่นอื่น ๆ ของพริก ให้เป็นสินค้าที่น่าสนใจ และสมารถตอบโจทย์ความต้องการในตลาดที่ปัจจุบันหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพและความงามจากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งพริกก็เป็นพืชสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติมากมายและทางเราก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านทางการวิจัย ออกแบบบรรจุภัณฑ์ผ่านการดีไซน์ และสำรวจตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุดครับ โดยตอนนี้ลูกค้าจีนก็เป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญเพราะทางจีนก็นิยมสมุนไพรจากไทยเช่นเดียวกัน” วิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานบริษัท อาจจิตต์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็พเพอร์ แอนด์ สไปซ์ จำกัด ผู้ผลิตพริกไทยตรามือที่ 1 ที่อยู่คู่สังคมไทยมากว่า 37 ปี กล่าวว่า “แม้ 99 % ของผลผลิตพริกจะถูกแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์ปรุงรส หรือเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารตามความต้องการในท้องตลาด แต่ความสำเร็จของธุรกิจนั้นบางทีก็ต้องอาศัยการคิดใหม่แบบสุดขั้ว ซึ่งวันนี้เราต้องการจะดันความเผ็ดร้อนแบบไทย ๆ ออกไปสู่ตลาดสากลในรูปแบบของ “แฟรนไชส์เครื่องเทศ” จึงเป็นที่มาให้ร้าน Spice Story ร้านคอนเซ็ปท์ระดับพรีเมี่ยม เปิดตัวขึ้นกลางห้างดังเพื่อนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งและการบริโภคเครื่องเทศแนวใหม่ ชูจุดเด่นด้วยการนำ “ไอศกรีม” กับ “พริก” มารังสรรค์เป็นเมนูน่าลิ้มลอง เปลี่ยนภาพจำของการใช้พริกในจานอาหารคาวมาสู่จานอาหารหวาน โดยการใช้ไอเดียสร้างความแตกต่าง และยกระดับธุรกิจระดับตำนานให้ก้าวไปสู่ผู้บริโภคกลุ่ม ใหม่ ๆ ในปัจจุบันได้” ฐัญวลัย เรียบร้อยเจริญ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท พราวด์ออฟยู จำกัด สาวสวยนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เริ่มธุรกิจจากการต่อยอดความรู้ดั้งเดิม ผสานงานดีไซน์ และโซเชี่ยลมีเดีย ที่ทำให้น้ำพริกเปิบ เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าระดับบนได้ “การเข้ามาทำธุรกิจน้ำพริกนั้น เพราะทางผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทของเรามีสูตรน้ำพริกของอาม่าที่อร่อย ก็เลยมานั่งคิดกันว่าเราน่าจะต่อยอดจากสินทรัพย์ที่เรามีอยู่เป็นธุรกิจได้ เพราะคนไทยชอบรับประทานน้ำพริก และตอนนี้อาหารไทยก็เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ เราจึงระดมความคิดและเลือกช่องทางมุ่งนำเสนอลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป ซึ่งแม้จะเป็นกลุ่มเล็กแต่ก็มีความสามารถ “พร้อมจ่าย” ให้กับสิ่งที่ถูกใจ ซึ่งกลยุทธ์ข้อหนึ่งที่มักจะซื้อใจลูกค้ากลุ่มนี้ได้ก็คือเรื่องของ “บรรจุภัณฑ์” ที่จะต้องดูดี ทันสมัย และที่ลึกไปกว่านั้นคือเมื่อรูปลักษณ์ภายนอกดูดีแล้ว ผลิตภัณฑ์เองก็ต้องมีความพิเศษด้วย เช่น ถ้าเราทำน้ำพริก วัตถุดิบที่ใช้ก็ต้องมีคุณภาพสูงสุด คัดกรองกันตั้งแต่แหล่งผลิตต้นทาง ต้องมั่นใจว่าปลอดสารเคมี ปลอดสารปรุงแต่ง ทั้งสี กลิ่น รส ไม่เช่นนั้นก็คงจะซื้อใจลูกค้าระดับบนที่มักจะแคร์เรื่องสุขภาพไม่ได้ เรามองว่าเมื่อเราเลือกที่จะจับกลุ่มลูกค้าระดับบนขึ้นไป เราจึงเลือกใช้การเปิดตัวผ่านโซเชียลมีเดีย ใช้ภาพลักษณ์สวย ๆ ดันลูกค้าระดับเดียวกันให้แนะนำกันเอง ก็สามารถเรียกยอดผู้เข้าชมและสร้างยอดขายที่ดีมาก จนตอนนี้เราต้องขยายโรงงานการผลิตเพื่อรองรับจำนวนออเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้นค่ะ” นอกจากผู้ชมงานจะได้รับความรู้ พร้อมได้ไอเดียใหม่ ๆ ประกอบการคิดตัดสินใจในการทำธุรกิจแล้ว TCDC ยังจัดโซนให้คำปรึกษาด้านการลงทุน โดยมีที่ปรึกษาทางธุรกิจมาช่วยตอบทุกข้อสงสัยแบบครบวงจร ตั้งแต่แหล่งเงินทุน แหล่งสนับสนุนการวิจัยผลิตภัณฑ์ สถาบันอาหาร และเครื่องหมายรับรองมาตรฐานอาหารและผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับ การทำธุรกิจอาหาร ภาษีธุรกิจ รวมถึงโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่มองหาวิธีการแปลกใหม่ในการสร้างแบรนด์ ร่วมติดตามการเดินทางของพริกในฐานะ “พืชเศรษฐกิจ” เพื่อตอบคำถามว่า พริกมีดีอย่างไร? พริกทำอะไรได้บ้าง? และ พริกจะทำเงินได้อย่างไร? จากโมเดลความสำเร็จของผู้ประกอบการด้านอาหารที่มีพริกเป็นส่วนประกอบหลักตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับโลก ร่วมด้วยไอเดียการพลิกแพลงคุณสมบัติของพริกไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมในท้องตลาด ตลอดจนสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทางด้านยอดขาย วิธีการคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ กลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างจุดแข็งเสริมจุดขายให้กับแบรนด์ รวมถึงการจุดประกายให้มองเห็นถึงช่องทางทำกินและช่องทางสร้างรายได้ที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ จากก้นครัว เข้าชมฟรี! ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 สิงหาคม 2557 ณ ห้องนิทรรศการ 2 ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชั้น 6 ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ เวลาทำการ 10.30 – 21.00 น. (ปิดวันจันทร์) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tcdc.or.th/ploy-saeng หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-664-7667 ต่อ 136

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ