AIRA เข้าเทรด mai วันแรกมั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดีดันราคาหุ้นเหนือจอง ชูพื้นฐานแข็งแกร่ง-รุกขยายการลงทุนในธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นทั้งในและต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 4, 2014 13:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ.ไอร่า แคปปิตอล ผู้ดำเนินธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจการเงิน พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 7 เดือน 7 ปี 2557 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “นลินี งามเศรษฐมาศ” มั่นใจราคาหุ้นเทรดเหนือจอง จากราคาไอพีโอ 0.75 บาท รับปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จากแผนการขยายธุรกิจ Holding Company ทั้งใน และต่างประเทศ รองรับการเปิด AEC ในปี 2558 ด้าน “มนตรี ศรไพศาล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่าย มั่นใจหุ้น AIRA จะประสบความสำเร็จในการเข้าเทรดวันแรก นักลงทุนจะให้การตอบรับอย่างดี ด้วยศักยภาพการขยายธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ผู้ดำเนินธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายหุ้นเป็นวันแรกของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 7 กรกฎาคม 2557ภายใต้ชื่อย่อการซื้อขาย “AIRA” และคาดว่าราคาหุ้นจะสามารถยืนเหนือราคาจองได้ จากราคา IPO ที่ 0.75 บาท จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯวางเป้าหมายในการที่จะเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ลงทุน โดยมีการเข้าไปลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงิน ในสัดส่วนที่ไม่น้อยกว่า 75% และกลุ่มที่ไม่ใช่สถาบันการเงินไม่เกิน 25% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ และภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจเพื่อรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ กลุ่มการอุปโภค และบริโภค ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทฯ มีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจเช่า ธุรกิจเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อการบริโภค และธุรกิจประกัน เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้บริษัทฯในอนาคต “เงินที่ได้จากการขายไอพีโอครั้งนี้ จำนวน 475.45 ล้านบาท จะนำไปขยายการลงทุนในอนาคต ในธุรกิจการเงิน ได้แก่ ขยายธุรกิจในบริษัทย่อย รวมถึง ธุรกิจเช่า ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภค ธุรกิจประกัน และธุรกิจอื่นๆ ทางด้านการเงิน และชำระคืนตั๋วแลกเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่” นางนลินี กล่าว ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50 % ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ ซึ่งผลประกอบการของบริษัทฯในปี 2556 รายได้และกำไรของบริษัทฯ มีการเติบโตก้าวกระโดดตามภาวะตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากสัดส่วนรายได้หลักมาจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยในปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้ 484 ล้านบาทปี 2556 มีรายได้เติบโตขึ้นเป็น 789 ล้านบาท ขณะที่กำไรของบริษัทฯ เติบโตจาก 48 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 107 ล้านบาทในปี 2556 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมมูลค่า 128 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีมูลค่า 228 ล้านบาท คิดเป็นการลดลงมูลค่า 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการลดลงของรายได้ค่านายหน้า จากการที่มูลค่าซื้อขายของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ลดลงกว่า 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้รายได้จากธุรกิจแฟคตอริ่งก็ลดลงเช่นกัน โดยมีสาเหตุมาจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาสแรกปี 2557 มีผลขาดทุนสุทธิ 31 ล้านบาท ลดลงจากที่มีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2556 ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. ไอร่า แคปปิตอล ( AIRA) กล่าวว่า จากความสำเร็จในการจองหุ้น AIRA สามารถระดมเงินได้ถึง 475.45 ล้านบาท เป็นการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ที่มีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพ และความแข็งแกร่งของบริษัทฯ นอกจากนี้ราคา IPO ระดับ 0.75 บาทต่อหุ้น มีส่วนลดในระดับ 19% โดยราคาดังกล่าวเทียบจากระดับอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าบัญชี P/BV 2.36 เท่า และ P/BV เฉลี่ยของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มี 2.92 เท่า จึงมั่นใจว่าการซื้อขายหุ้นวันนี้เป็นวันแรก 7 กรกฎาคม 2557 จะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน อีกทั้งผลการดำเนินงานปี 2556 นั้น AIRA มีรายได้ รวมทั้งสิ้น 789.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 305.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 63.03% มีกำไรสุทธิ 107.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.92% จากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 48.29 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงมาจากการเติบโตของรายหลักทั้งธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจแฟคตอริ่ง สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2557 ที่ด้อยลง เป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวในเชิงบวกค่อนข้างมาก ทำให้ปริมาณการซื้อขาย เริ่มกลับมาอยู่ในระดับสูงและน่าจะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทกลับมาโดดเด่นเหมือนที่ผ่านมาได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ