กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ให้อันดับเครดิตที่ ‘BBB-’ แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 (Basel III compliant Tier 2 subordinated notes) สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีการออกภายใต้โครงการ หุ้นกู้ Euro Medium Term Note (EMTN) มูลค่ารวม 2.5 พันล้านเหรียญสหรรัฐฯ ของธนาคาร หุ้นกู้ดังกล่าวออกโดยสาขาของ KTB ในหมู่เกาะเคย์แมน และเป็นการเสนอขายในวงกว้างครั้งแรกของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่ออกโดยธนาคารในประเทศไทย
การประกาศให้อันดับเครดิตครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการที่ธนาคารได้ทำการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิและฟิทช์ได้รับเอกสารฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีข้อมูลตรงตามที่ได้รับมาก่อนหน้า อันดับเครดิตที่ประกาศนี้เป็นอันดับเครดิตระดับเดียวกับที่ฟิทช์คาดว่าจะให้แก่หุ้นกู้ดังกล่าวตามที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธินี้ถูกปรับลดอันดับเครดิตลงหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิง (anchor rating) ซึ่งฟิทช์ได้ใช้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Issuer Default Rating) ของ KTB
อันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิง (anchor rating) ที่ฟิทช์จะนำมาใช้ในการพิจาณาอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ส่วนใหญ่จะเป็นอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของธนาคารผู้ออกหุ้นกู้ อย่างไรก็ตามฟิทช์อาจจะใช้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Issuer Default Rating) ที่มีปัจจัยในการพิจารณาอันดับเครดิตมาจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะได้รับการช่วยเหลือ (support driven) เป็นอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิง สำหรับในกรณีที่ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ทางการจะให้การช่วยเหลือเพื่อป้องกันมิให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ (non-viability) ในกรณีนี้ฟิทช์มองว่ารัฐบาลไทยน่าจะทำการเพิ่มทุนล่วงหน้าให้แก่ KTB เพื่อรักษาสถานะของธนาคารให้ยังคงอยู่ในระดับที่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ดังนั้นอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารที่ ‘BBB’ ซึ่งพิจารณาจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะได้รับการช่วยเหลือ จึงเป็นอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิงที่เหมาะสมที่สุดในการนำมาใช้พิจารณาอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ของธนาคาร
กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินมีสัดส่วนการถือหุ้นใน KTB ที่ 55% KTB เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และไม่มีแนวโน้มว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นของธนาคารจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ KTB มีการดำเนินงานที่มีความสัมพันธ์และใกล้ชิดกันกับกระทรวงการคลัง อีกทั้งธนาคารยังมีบทบาทที่สำคัญในการบริหารการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ และบริหารเงินสดให้กับรัฐบาล ในอดีต KTB ก็เคยมีบทบาทที่คล้ายกับธนาคารรัฐ (quasi-policy) ในการสนับสนุนนโยบายและโครงการต่างๆ ของรัฐบาล แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา KTB จะมีการดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์มากขึ้นแล้ว แต่ฟิทช์ยังคงเชื่อว่า KTB อาจจะต้องกลับไปทำหน้าที่คล้ายธนาคารรัฐในให้การสนับสนุนแก่นโยบายของรัฐบาลในอนาคต หากมีความจำเป็น
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 นั้นจะถูกปรับลดอันดับเครดิตลงหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิง เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารที่ไม่ด้อยสิทธิ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะด้อยสิทธิ
ข้อกำหนดสิทธิที่สำคัญของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวคือเรื่องปัจจัยที่จะแสดงว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ (non-viability trigger) ทั้งนี้มีการกำหนดไว้ว่า ธนาคารจะมีสถานะเป็นธนาคารที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้ เมื่อทางการตัดสินใจเข้าให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารเพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และผู้ถือหุ้นกู้จะต้องรองรับผลขาดทุนในลักษณะการตัดเป็นหนี้สูญ ซึ่งอาจเป็นการตัดเป็นหนี้สูญเป็นบางส่วน (partial write-down) หรือทั้งจำนวน (full write-down) แต่ไม่ได้บังคับตัดหนี้สูญทั้งจำนวน (mandatory full write-down) หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 นี้จะมีการตัดเป็นหนี้สูญในวิธีที่ไม่เสียเปรียบเมื่อเทียบกับตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถรองรับผลขาดทุน (loss-absorption features) ที่คงเหลืออยู่ และหุ้นกู้ด้อยสิทธินี้จะถูกตัดเป็นหนี้สูญในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน (pari passu) กับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่มีคุณสมบัติสามารถรองรับผลขาดทุนได้ ชุดอื่นๆ ที่ออกโดยธนาคาร
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KTB จะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าว อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KTB นั้นมีปัจจัยสนับสนุนจากอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของธนาคาร ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของความสามารถหรือแนวโน้มที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุน KTB จะส่งผลต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KTB การลดลงของระดับความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ KTB ที่มีต่อรัฐบาลไทย อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KTB และหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่างปรับตัวลดลง
อันดับเครดิตอื่นๆ ของ KTB ที่ไม่ได้รับผลกระทบ มีดังนี้
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F3’
- อันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘bbb-’
- อันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำที่ ‘BBB’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของโครงการห้นกู้ EMTN มูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯที่ ‘BBB’
- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ ‘BBB’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier 1 Securities) ที่ ‘B’
- อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการห้นกู้ระยะสั้น มูลค่า 30 พันล้านบาทที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘AA(tha)’
- อันดับเครดิตภายในประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ ‘BBB(tha)’