กรุงเทพ--7 พ.ค.--สพช.
เปิดไฟ ปิดไฟ เปิดโทรทัศน์ ปิดโทรทัศน์ เป็นกิจวัตรประจำวันที่เราท่านปฏิบัติกันอยู่ทุกวัน เมื่อค่ำลงก็เปิดไฟ เปิดโทรทัศน์ดูข่าวและรายการบันเทิง หลังจากตรากตรำทำงานกันมาตลอดวัน อากาศร้อนใครที่มีแอร์ก็เปิดแอร์ ใครที่ไม่มีก็เปิดพัดลมส่ายไล่ความร้อน ชีวิตมนุษย์ดูเหมือนจะผูกพันอยู่กับสิ่งเหล่านี้จนเป็นความจำเจและเคยชิน จนบางครั้งลืมนึกไปว่าหลอดไฟที่เปิดอยู่นั้นส่องสว่างเพื่ออะไร โทรทัศน์ที่เปิดอยู่มีคนอยู่หน้าจอหรือไม่ แอร์และพัดลมที่เปิดอยู่ให้ความเย็นกับใคร หรือไม่มีคนอยู่ในห้องเลย เพราะเจ้าของกำลังอาบน้ำอยู่…!
เหตุการณ์ข้างต้นนับวันจะมีมากขึ้นควบคู่ไปกับพัฒนาการทางสังคมที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น ที่แน่นอนคือความสะดวกสบายเหล่านี้ต้องแลกมาด้วยการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯรายงานว่าขณะนี้ในวันหนึ่งๆต้องใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าดังนี้ ก๊าซธรรมชาติ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ลิกไนต์ 46,000 ตัน น้ำมันเตา 14 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล 3 ล้านลิตร
พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) และที่ซื้อจากผู้ผลิตเอกชนด้วย จะถูกแบ่งขายให้แก่การไฟฟ้านครหลวง ซึ่งจ่ายไฟให้แก่กรุงเทพฯและปริมณฑลคิดเป็นร้อยละ 40 และอีกส่วนขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจ่ายไฟในต่างจังหวัดคิดเป็นร้อยละ 60 หากแยกประเภทผู้ใช้แล้วบ้านเรือนทั้งประเทศใช้ไฟฟ้าร้อยละ 21 ส่วนธุรกิจและอุตสาหกรรม และอื่นๆใช้ไฟฟ้าร้อยละ 79 ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยใช้ไฟฟ้า 82,075 ล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมง คิดเป็นค่าไฟฟ้าเกือบ 2 แสนล้านบาท
ปี 2540 มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในวันที่ 8 พฤษภาคม คือ 14,506.30 เมกะวัตต์ ขณะที่ กฟผ.มีกำลังผลิตติดตั้ง 16,269.60 เมกะวัตต์ (ณ วันที่ 31 พ.ค.2540) สพช.จึงเลือกวันที่ 7 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันก่อนวันที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด เป็นวันจุดประกายปีรณรงค์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อกระตุ้นเตือนและเชิญชวนให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมกันประหยัดพลังงานทั้งไฟฟ้าและน้ำมันเพื่อช่วยกู้เศรษฐกิจชาติ โดยจะมีการจัดรายการถ่ายทอดสดในเวลา 20.40-21.40 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และ 11ในรายการจะมีการกล่าวสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมใจประหยัดการใช้พลังงาน ให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่า ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการประหยัดพลังงาน
รายการในวันนั้นเวลา 21.00 น หรือ 3 ทุ่ม จะมีการเชิญชวนให้ประชาชนทางบ้านร่วมทดสอบและพิสูจน์พลังของคนไทยในการมีส่วนร่วมประหยัดไฟฟ้า โดยพร้อมใจกันประหยัดพลังงานด้วยปลายนิ้วสัมผัส ด้วยการปิดไฟที่ไม่จำเป็นต้องใช้บ้านละ 1 ดวง อย่างพร้อมเพียงกัน แล้วจะเห็นการลดของความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างชัดเจน จากจำนวนครัวเรือนในประเทศไทย 12 ล้านครัวเรือน หากปิดหลอดไฟแสงสว่างที่ใช้ไฟฟ้า 60 วัตต์พร้อมกัน จะลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 720 ล้านวัตต์ หรือ 720 เมกะวัตต์ ซึ่งเท่ากับกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของเขื่อนศรีนครินทร์ทั้งหมด หรือประมาณร้อยละ 5 ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ
หรือใครจะปิดมากกว่า 1 ดวง รวมทั้งปิดเครื่องปรับอากาศด้วยก็ยิ่งดี ที่สำคัญอย่าปิดเครื่องรับโทรทัศน์ เปิดไว้ซักหนึ่งเครื่องเพื่อดูผลรายงานการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ว่าจากการร่วมใจกันประหยัดไฟฟ้าด้วยวิธีดังกล่าวจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศได้มากน้อยเพียงใดแต่อย่างไรก็ตามอย่าปิดไฟให้มืดจนเกิดความไม่สะดวกและเป็นอันตรายแก่ตัวเอง
รายการนี้จะเห็นผลทันตาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน หากได้รับความร่วมมือมาก ก็จะเห็นตัวเลขการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงอย่างมาก แต่หากไม่ได้รับความร่วมมือ ตัวเลขการใช้ไฟฟ้าก็อาจไม่ลดลง
การจัดรายการครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์หรือวัดระดับความสนใจของประชาชนว่าตระหนักและให้ความสำคัญในการประหยัดพลังงานมากน้อยเพียงใด
3 ทุ่ม วันที่ 7 พ.ค. นี้ พร้อมใจกันปิดไฟเพียงบ้านละ 1 ดวง เพื่อพิสูจน์พลังของคนไทยว่าหากช่วยกันประหยัดไฟฟ้าโดยพร้อมเพียงกันทั้งประเทศชาติจะประหยัดเม็ดเงินได้มากน้อยแค่ไหน
งานนี้จะได้เห็นกันว่าการ "ช่วยชาติเพียงปลายนิ้วสัมผัส" นั้นเป็นอย่างไร
สอบถามราบละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ “รวมพลังหาร 2” สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) 394 / 14 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทรศัพท์ 280 - 0951 - 7 , 628-7745-53 ต่อ 142 โทรสาร 280 - 5821--จบ--