กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มผลไม้รวมเพื่อสุขภาพไลโคเอ็ม ซึ่งมีส่วนผสมของสารไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนธรรมชาติ 100% ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ให้แก่มูลนิธิเคี้ยงล้ง เพ็กจูเพื่อการศึกษา นำไปผลิตสู่เชิงพาณิชย์ ระบุเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ และสร้างความมั่นคงให้แก่เศรษฐกิจของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรม
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้ว่าการ วว. กล่าวชี้แจงว่า จากความสำเร็จของฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ในการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องดื่มเพื่อลดภาวะเสี่ยงโรคมะเร็งในผู้สูงอายุจากพืช ผัก ผลไม้และประสบผลสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา... ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มผลไม้รวมเพื่อสุขภาพไลโคเอ็ม (Lyco M) ซึ่งมีส่วนผสมของสารไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนธรรมชาติ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โดยทีมวิจัยได้คัดเลือกวัตถุดิบซึ่งเป็นพืชผักผลไม้ต่างๆ เช่น ฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม แก้วมังกร และแครอท แล้วนำมาพัฒนาเป็นสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มดังกล่าว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย เนื่องจากไม่มีการเติมสารสังเคราะห์ ไม่มีการเติมน้ำตาล กรดซิตริด และการเจือสีสังเคราะห์แต่อย่างใด ที่สำคัญมีส่วนผสมของสารไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนธรรมชาติ 100% รสชาติกลมกล่อม มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้ที่ผ่านการปั่นโดยละเอียด เพื่อเพิ่มกากใยอาหาร ช่วยให้ระบบการขับถ่ายดี
“...เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าสู่ระบบการผลิตในเชิงพาณิชย์ วว. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและสูตรผลิตภัณฑ์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการคือ มูลนิธิเคี้ยงล้ง เพ็กจูเพื่อการศึกษา ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ต่อยอดผลงานวิจัยและพัฒนาเพื่อการศึกษาในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันมีผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคมะเร็งในอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี การดูแลรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงต่างๆ จึงควรระวังและหาทางป้องกัน การบริโภคอย่างชาญฉลาดทั้งอาหารหลักและอาหารเสริมในแต่ละมื้อให้มีคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม การพักผ่อนที่เพียงพอจึงเป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยงโรคร้ายได้ วว. จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผลไม้รวมไลโคเอ็มเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดอัตราความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายดังกล่าว อีกทั้งยังช่วยลดการนำเข้าอาหารเสริมจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพง ในทางตรงข้างยังมีศักยภาพในการส่งออกอีกด้วย และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตร เกิดการสร้างงาน อันจะเสริมสร้างระบบเศรษฐกิขของประเทศให้เข้มแข็งต่อไป...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
ทั้งนี้ มูลนิธิเคี้ยงล้ง เพ็กจูเพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น จะได้สิทธิจาก วว. ในการผลิตเครื่องดื่มผลไม้รวมเพื่อสุขภาพไลโคเอ็ม เพื่อผลิตเชิงพาณิชย์เป็นระยะเวลาการใช้สิทธิ์ 5 ปี รวมกับระยะเวลาในการขออนุญาตการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประมาณ 1 ปี รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้นไม่เกิน 6 ปี นับแต่วันลงนามในบันทึกข้อตกลง
ดร.กฤษดา อัครพัทธยกุล ประธานกรรมการมูลนิธิเคี้ยงล้ง เพ็กจูเพื่อการศึกษา กล่าวว่า มูลนิธิมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษา และสนับสนุนกิจกรรมด้านสาธารณะกุศลกับองค์กรอื่นๆ เพื่อสาธารณะประโยชน์ แก่สังคมโดยรวม ทำการค้นคว้าวิจัย และแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์ความคิดเห็นกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้แก่ประชาชน ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก วว. ในครั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้คัดเลือกนักธุรกิจรุ่นใหม่จากบริษัทบีเอเคนาโนอินโนวิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ภายใต้โครงการตั้งไข่ธุรกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะออกจำหน่ายในท้องตลาดต่อไป
“...เราจะนำผลิตภัณฑ์นี้ไปสร้างประโยชน์ทางธุรกิจและทางสังคมต่อไป ทั้งนี้มูลนิธิฯ มองว่าเราจะต้องพัฒนา 1.ความสามารถในการแข่งขันคือ การวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 2.การพัฒนาบุคลากร โดยเราจะต้องพัฒนาทั้งสองด้านควบคู่กันไปเพื่อความสำเร็จของประเทศ” ประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าว