(ต่อ 1) SET9: ตลาดหลักทรัพย์แถลงมติคณะกรรมการฯ

ข่าวทั่วไป Friday December 20, 1996 16:52 —ThaiPR.net

1.3 หุ้นสามัญของบริษัทสยามเหล็กรีดเย็นครบวงจร จำกัด (มหาชน)
จำนวนหุ้น 264 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 66 ล้านหุ้น
มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท รวม 3,300 ล้านบาท โดยคณะ
กรรมการฯ ได้กำหนดเงื่อนไขการรับหลักทรัพย์ ดังนี้
- กำหนดจำนวนการห้ามขายหุ้นของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่
เป็นจำนวนรวมกันเท่ากับร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้ว
(3,300 ล้านบาท) จนกว่าบริษัทจะมีการลงทุนครบตามต้นทุน
โครงการ และมีรายได้เชิงพาณิชย์จากการประกอบธุรกิจครบ 1 ปี
- เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
+ กำหนดให้ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารหลักของบริษัท ได้แก่ นายสม
ศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รับรองต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ว่าจะไม่ประกอบธุรกิจผลิตนำเข้าและจำหน่ายเหล็กแผ่นรีด
เย็นใด ๆ ที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจของบริษัทภายใต้การดำ
เนินงานของบริษัทอื่น นอกจากบริษัทสยามเหล็กรีดเย็นครบวง
จร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
+ กำหนดให้บริษัทรับรองว่ารายการธุรกรรมระหว่างบริษัท
กับบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือกรรมการ หรือ
ผู้บริหาร จะเป็นไปตามราคาตลาด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้
กับรายการที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกและ ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้น
รายย่อยเสียผลประโยชน์ โดยให้กรรมการอิสระของบริษัท
เป็นผู้ดูแลรายการดังกล่าว พร้อมทั้งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ
รายการดังกล่าว และรายงานในงบการเงินประจำปี
- กำหนดให้บริษัทแก้ไขและ Update ข้อมูล ตลอดจนเปิดเผยข้อ
มูลให้ผู้ลงทุนได้ทราบในหนังสือชี้ชวนของบริษัทในประเด็นต่าง ๆ
ดังนี้
+ พิจารณาแก้ไขนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระบุว่าบริษัทจะเริ่ม
จ่ายเงินปันผลตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นไป เนื่องจากในปี
2542 บริษัทยังมีการขาดทุนสะสมอยู่ ซึ่งไม่น่าจะสามารถจ่าย
เงินปันผลได้
+ Update เงื่อนไขการกู้ยืมเงินและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งได้มา
จากสถาบันการเงินต่างประเทศล่าสุด ตลอดจน Update
ประมาณการความต้องการ และกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีด
เย็นในอนาคต และให้ Verify โดยผู้จัดทำรายงานการ
ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
+ เปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนทราบที่มาของการคำนวณ Terminal
Value ในรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
- กำหนดให้บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมและของ
โครงการ และเปิดเผยเพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบอย่างชัดเจน
โดยให้นำเสนอแยกเป็นส่วนพิเศษเพิ่มเติมในหนังสือชี้ชวน
ของบริษัทในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
+ ความเสี่ยงด้านความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและอัตรา
แลกเปลี่ยนพร้อมทั้งให้จัดทำ Sensitivity Analysis สำ
หรับกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนเงิน
บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงลดลงจากข้อสมมติฐานใน
ประมาณการ
+ ความคืบหน้าของโครงการและความเสี่ยงจากความล่าช้า
ของโครงการ
- กำหนดให้บริษัทรายงานความคืบหน้าของโครงการ และการใช้
เงินทุนทุกไตรมาสภายใน 45 วัน นับจากวันสิ้นไตรมาส พร้อมกับ
การนำส่งงบการเงินรายไตรมาสของบริษัท จนกว่าโครงการจะ
สามารถเริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์
- ให้บริษัทดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนให้แล้วเสร็จภายใน
3 เดือน นับแต่วันที่ตลาดหลักทรัพย์แจ้งผลการพิจารณาให้
บริษัททราบ และบริษัทจะต้องได้รับอนุมัติ EIA Report เป็นที่
เรียบร้อยก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์จะอนุมัติรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
และเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ หากในช่วง
เวลาดังกล่าวมีเหตุการณ์ใดที่เป็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ
การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน
ของบริษัท ตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาลักษณะของหลักทรัพย์และ
คุณสมบัติของบริษัทในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เสมือนหนึ่งในบริษัทที่ยื่นคำขอใหม่
2. มีมติให้ขยายเวลาผ่อนผันอัตรา Maintenance Margin
ตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ในการประชุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2539 ได้มีมติให้ขยายเวลาการผ่อนผัน Maintenance Margin ใน ส่วนของอัตราที่ต้องเรียกหลักประกันเพิ่มที่เท่ากับร้อยละ 25 และอัตราที่ต้องบัง คับขายที่เท่ากับร้อยละ 15 โดยให้ขยายเวลาออกไปอีกถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2539 เท่านั้น
เนื่องจากในปัจจุบันอัตราหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ที่กำหนดไว้ ณ ที่ระดับร้อยละ 40 ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง จึงเห็นควรให้ผ่อนผันอัตรา ที่ตัองเรียกหลักประกันเพิ่มเท่ากับร้อยละ 25 และอัตราที่ต้องบังคับขายเท่ากับ ร้อยละ 15 โดยให้ขยายเวลาการผ่อนผัน ดังกล่าวออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 มิ ถุนายน 2540
3. แนวทางดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่ อยู่ในข่ายถูกเพิกถอนและได้รับผ่อนผันให้ขยายเวลานำส่งแผนดำเนินการ
คณะกรรมการการตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2539 ได้อนุมัติผ่อนผันระยะเวลาการส่งแผนดำเนินการให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน ข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ดังนี้
- บริษัทจดทะเบียนที่มีรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 31 ธันวาคม
2538 ให้นำส่งแผนดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2539
- บริษัทจดทะเบียนที่รอบระยะเวลาบัญชี สิ้นสุดหลังวันที่ 31 ธันวา
คม 2538 ให้นำส่งแผนดำเนินการไม่เกิน 1 ปี นับจากวันสิ้น
สุดรอบระยะเวลาบัญชี หากครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วบริษัท
ไม่สามารถนำส่งได้ให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการเพื่อให้มีการ
เพิกถอนบริษัทดังกล่าวต่อไปนั้น
คณะกรรมการการตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2539 ได้พิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการในกรณีบริษัทจดทะเบียนไม่สามารถนำส่ง แผนดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2539 หรือภายในกำหนดเวลาที่ได้รับผ่อน ผัน ให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการดังนี้ (ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ