กรุงเทพ--20 มี.ค.--ปตท.สผ.
ปตท.สผ.ชี้แจงการจัดตั้งบริษัทย่อย เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส ตามวิธีการปฏิบัติการลงทุนของบริษัทน้ำมันนานาชาติ โดยยึดหลักการทางการเงินและภาษีอากรตามกฎหมายไทยและประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทย่อยว่าได้จัดตั้งบริษัทย่อยขึ้น 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ปตท.สผ.อินเตอร์ และบริษัทปตท.สผ. ออฟชอร์อินเวสเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. ออฟชอร์ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศตามพ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2541 ซึ่งกำหนดให้บริษัทหนึ่ง ๆ จะถือครองแปลงสำรวจปิโตรเลียมได้ไม่เกิน 5 แปลง และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และรองรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
บริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ปตท.สผ.อินเตอร์ จดทะเบียนในประเทศไทย ในปี 2533 เพื่อดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งในและต่างประเทศ เช่น โครงการบี 5/27 โครงการพีทีทีอีพี 1 โครงการยาดามา เป็นต้น โดยมี ปตท.สผ. ถือหุ้น 99.99% ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท
บริษัทปตท.สผ. ออฟชอร์อินเวสเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. ออฟชอร์ ซึ่งถือหุ้นโดยกลุ่มปตท.สผ. 100% จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจต่อเนื่องจากการสำรวจและผลิตปิโตรเคมีในต่างประเทศจดทะเบียนที่เกาะเคย์แมน ในปี 2538 การที่จดทะเบียนในต่างประเทศก็เพื่อความสะดวกในการดำเนินงานและความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศต่อไปในอนาคต รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการจดทะเบียนในประเทศอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็สามารถดำเนินธุรกิจแข่งขันกับบริษัทน้ำมันนานาชาติได้อย่างทัดเทียม ซึ่งการจัดตั้งปตท.สผ.ออฟชอร์ นี้ได้ถือตามวิธีปฏิบัติการลงทุนของบริษัทน้ำมันเอกชนชั้นนำ ซึ่งบริษัทไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีธุรกิจในต่างประเทศหลายบริษัทก็มีการจดทะเบียนจัดตั้งที่เกาะเคย์แมนหรือประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกัน
ภายหลังการก่อตั้งปตท.สผ.ออฟชอร์ ได้รับโอนธุรกิจต่อเนื่องจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คือ โครงการวางท่อก๊าซฯ ในสหภาพพม่า มาจากปตท.สผ.อินเตอร์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยง และทำให้สามารถแยกภาระและความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจได้อย่างชัดเจนจากธุรกิจสำรวจและผลิตที่มีอยู่ในสหภาพพม่า ปัจจุบัน ปตท.สผ.ออฟชอร์ มีทุนจดทะเบียน 6,667 เหรียญสหรัฐฯ
บริษัทย่อยทั้งสองมีหน้าที่เป็นกลไก หรือเป็นเครื่องมือในการบริหารของปตท.สผ. ซึ่งจะต้องมีการบริหารงานอย่างคล่องตัว โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายปิโตรเลียม (Thailand I และ Thailand II) กฎหมายภาษีเงินได้ปิโตรเลียม กฎหมายของประเทศที่เกี่ยวข้อง และปัจจัยทางธุรกิจอื่น ๆ เช่น การบริหารการเงินและภาษีอากร (Financial and Taxation Planning)
สำหรับการที่กรรมการปตท.สผ. หรือผู้บริหารปตท.สผ. บางคน ถือหุ้น ปตท.สผ. นั้นเป็นกรณีที่ทุกคนสามารถซื้อขายหุ้นได้ในราคาเช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไป ไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใดโดยปตท.สผ.ขายหุ้นให้แก่สาธารณชนในปี 2536 และ 2537 ตามลำดับ เพื่อเป็นการระดมทุนจากเอกชนตามนโยบายรัฐบาล
นายปรัชญากล่าวในตอนท้ายว่า "ในปัจจุบันหุ้นปตท.สผ. ถือได้ว่าเป็นหลักทรัพย์หลักที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี Market Cap. สูงเป็นอันดับหนึ่งของตลาดฯ ซึ่งถือได้ว่า ปตท.สผ. มีการบริหารงานที่ดี เป็นที่น่าเชื่อถือของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ปตท.สผ. ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการทั้งในและต่างประเทศ สามารถจัดหาปิโตรเลียม เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานให้กับประเทศได้มากขึ้น ตามลำดับ และในวันที่ 1 กรกฎาคม 2541 นี้ ปตท.สผ.ก็เข้าเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) ในแหล่งก๊าซฯ บงกช ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซฯ ที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งในประเทศไทย ผมขอยืนยันว่าการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท.สผ. ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ รวมทั้งสอดคล้องกับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทน้ำมันชั้นนำทั่วไปอีกด้วย--จบ--