กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--เอไอเอส
เอไอเอส ประกาศสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2014 อีกครั้ง โดยจะมอบเงินรางวัลแห่งความสำเร็จให้แก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญทอง 5 แสนบาท, เหรียญเงิน 3 แสนบาท และเหรียญทองแดง 2 แสนบาท รวมทั้งยังมอบแพ็กเกจดาต้า โรมมิ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารให้แก่นักกีฬา, ผู้จัดการทีม, โค้ชผู้ฝึกสอน, เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนที่เดินทางไปร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ พร้อมมอบเงินสนับสนุนคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ จำนวน 2 แสนบาท เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวงการกีฬาไทยด้วย
นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขายบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสในฐานะผู้นำด้านธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศไทย เราตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้านของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกีฬา เนื่องจากกีฬาเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาคน เอไอเอสจึงมีเจตนารมณ์ที่จะร่วมพัฒนาวงการกีฬาไทย โดยการสนับสนุนกีฬาหลากหลายประเภทตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา รวมเป็นงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 128 ล้านบาท ทั้งการแข่งขันกีฬาระดับประเทศและระดับโลก อาทิ โอลิมปิค, พาราลิมปิค, เอเชี่ยนเกมส์ และเอไอเอสลีก เป็นต้น
วันนี้เอไอเอสจึงขอเดินหน้าสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงใจในการเชียร์ทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2014 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ก.ย. – 4 ต.ค. 2557 ณ เมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี โดยเอไอเอสได้ให้การสนับสนุนใน 3 รูปแบบ ดังนี้
1. มอบเงินรางวัลแห่งความสำเร็จให้แก่นักกีฬาไทยที่ได้รับเหรียญทอง 500,000 บาท , เหรียญเงิน 300,000 บาท และเหรียญทองแดง 200,000 บาท
2. มอบแพ็กเกจ Unlimited Data Roaming มูลค่า 1,400 บาท ใช้งานได้ 5 วัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารให้แก่นักกีฬา, คณะกรรมการโอลิมปิคฯ, นายกสมาคมฯ, ผู้จัดการทีม, โค้ชผู้ฝึกสอน, เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ที่เดินทางไปร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
3. มอบเงินสนับสนุนคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย จำนวน 200,000 บาท เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาวงการกีฬาไทย
เอไอเอสเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทัพนักกีฬาไทย จะสามารถมุ่งมั่นคว้าชัยชนะในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 2014 ครั้งนี้ เพื่อนำชื่อเสียงและความสุขมาสู่คนไทยทั้งชาติได้อย่างแน่นอน” นายฐิติพงศ์กล่าวสรุป