กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ก้าวใหม่...ก้าวไกล...ก้าวไปกับแผน ปภ.แห่งชาติ” เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในการศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะข้อคิดเห็นต่อร่างแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 เพื่อให้มีครอบคลุมในประเด็นทางวิชาการ และมีแนวทางการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการประสานการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจกลไกและกระบวนการจัดการสาธารณภัยในแต่ละระดับที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้สามารถ นำแผนฯ ดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 เป็นกฎหมายเฉพาะที่ประกาศใช้เพื่อการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศ โดยมีแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำไปสู่การจัดการสาธารณภัยที่เป็นระบบ มีเอกภาพในการสั่งการ และสามารถ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากภัยพิบัติ ซึ่งแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2553 – 2557 ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินงานตามแผนฯ ดังนั้น เพื่อให้ร่างแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ครอบคลุมวงจรการจัดการภัยพิบัติ สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย และสามารถเชื่อมโยงการปฏิบัติการในระดับพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางของรัฐดำเนินการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ ได้จัดสัมมนา เชิงปฏิบัติการ “ก้าวใหม่...ก้าวไกล...ก้าวไปกับแผน ปภ.แห่งชาติ” โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในการศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะข้อคิดเห็น เพื่อให้ร่างแผนฯ ดังกล่าวครอบคลุมในประเด็นทางวิชาการ และมีแนวทางการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานระหว่าง หน่วยงานที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการประสานการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจกลไกและกระบวนการจัดการสาธารณภัยในแต่ละระดับที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้สามารถนำแผนฯ ดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยการจัดสัมมนาในครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 150 คน ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด นายอำเภอ 5 อำเภอในฐานะผู้อำนวยการอำเภอ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ มูลนิธิ และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติ
นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า การจัดทำแผน ปภ. แห่งชาติที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยงานในสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยนโยบายและหน่วยปฏิบัติ เพื่อสะท้อนปัญหาและอุปสรรคของการบริหารจัดการสาธารณภัยภายใต้แผน ปภ. แห่งชาติ พ.ศ.2553 – 2557 ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงร่างแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 ที่ครอบคลุมในทุกมิติ มีการมอบหมายภารกิจและพื้นที่ในการดำเนินงานแก่หน่วยงานที่ชัดเจน การสั่งการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพภายใต้ศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งนี้ การจัดสัมมนาในครั้งนี้จึงถือเป็นการรับฟังความคิดเห็นในระดับปฏิบัติที่เป็นส่วนสำคัญต่อการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ประเทศไทย มีแนวทางการบริหารจัดการสาธารณภัยตามมาตรฐานสากลและคนไทยมีความปลอดภัยจากภัยพิบัติที่ยั่งยืน ร