สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยขานรับนโยบายรัฐต้านการฟอกเงินเร่งผลักดันพ.ร.บ.นายหน้าหวังควบคุมโบรกเกอร์

ข่าวอสังหา Wednesday September 24, 2014 14:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--พีอาร์บูม ขานรับนโยบายรัฐต้านการฟอกเงินเร่งผลักดันพ.ร.บ.นายหน้าหวังควบคุมโบรกเกอร์สมาคมนายหน้าฯเผยปัจจัยบวกหนุนตลาดบ้านมือสองโค้งสุดท้ายขยายตัวต่อเนื่องถึงปี 58 สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยขานรับนโยบายภาครัฐร่วมต้านการฟอกเงิน เผยยังมีนายหน้าอสังหาฯ ไร้จรรยาบรรณและกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค เตรียมผลักดันพ.ร.บ.นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ควบคุมการทำงานโบรกเกอร์ มั่นใจนโยบายรัฐบาลใหม่ที่เร่งกำจัดธุรกิจสีเทาและปัญหาต่าง ๆ ของสังคมเห็นความสำคัญของสาระร่างกฎหมายนายหน้าฯ ย้ำตลาดบ้านมือมือสองโต 15-20% เพราะมีปัจจัยบวกหนุนการซื้อ-ขายโค้งสุดท้ายขยายตัวต่อเนื่องถึงปี 58 นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสมาคมได้ร่วมประชุมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เนื่องจากทางภาครัฐต้องการให้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์รายงานข้อมูลของลูกค้า เพื่อป้องกันการฟอกเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการรายงานการทำธุรกรรมจะทำให้ภาครัฐทราบถึงความเหมาะสมของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่สอดคล้องกับรายได้และอาชีพของผู้ซื้อ เนื่องจากนายหน้าอสังหาฯ เป็น 1 ในอีกหลายอาชีพที่ทางภาครัฐจะต้องเข้ามาควบคุมเรื่องการทำธุรกิจ รวมทั้งขอความร่วมมือในการตรวจสอบและช่วยเหลือภาครัฐในการกำจัดปัญหาฟอกเงิน ทั้งนี้ เชื่อว่ามีวิธีที่จะแก้ไขปัญหาการทำงานของนายหน้าอสังหาฯ ได้ คือการควบคุมโดยใช้กฎหมายนายหน้า ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีพ.ร.บ.ดังกล่าวออกมาบังคับใช้ ที่ผ่านมาจึงมีบุคคลต่าง ๆ เข้ามาทำอาชีพนายหน้าอสังหาฯ ได้โดยอิสระโดยไม่มีกฎหมายควบคุม ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคและกระทบต่อผู้ที่ตั้งใจทำอาชีพนี้ ในอนาคตหากมีกฎหมายออกมาควบคุมธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ เชื่อว่าจะสามารถควบคุมและจำกัดกลุ่มบุคคลที่แฝงตัวเข้ามาทำอาชีพนี้ เนื่องจากสาระสำคัญของพ.ร.บ.ดังกล่าวมีข้อบังคับในการลงโทษสำหรับผู้ที่ทำผิดกฎหมายซึ่งจะถูกยึดใบประกอบวิชาชีพ เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่อยู่ในอาชีพนายหน้าต้องระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น และมั่นใจว่าปัญหาการฉ้อโกงหรือการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคจะหมดไป แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดได้ถึง 100% แต่เชื่อว่าหากมีกฎหมายควบคุม จะทำให้ธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ ที่เป็นสีเทามีน้อยลงหรืออาจค่อย ๆ หมดไปในที่สุด นายแพทย์สมศักดิ์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศอย่างชัดเจนแล้ว ทางสมาคมฯ มีนโยบายที่จะผลักดันเรื่องพ.ร.บ.นายหน้าอสังหาริมทรัพย์กับรัฐบาลชุดนี้อีกครั้ง และจะดำเนินการจนกว่าเรื่องนี้จนกว่าจะสำเร็จ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ได้เห็นความสำคัญกับการจำกัดธุรกิจที่เป็นสีเทาออกจากสังคม จะให้ความสนใจสาระสำคัญของพ.ร.บ.นายหน้าฯ เพราะมีนโยบายที่ชัดเจนในการทำให้ทุกอย่างในสังคมและประเทศชาติมีความโปร่งใส ดังนั้น ความเป็นไปได้น่าจะมีมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้านี้มา “ที่ผ่านมาทางสมาคมฯ ได้มีการผลักดันเรื่องการทำงานภายในจรรยาบรรณ รวมทั้งการอบรมสัมมนาเพื่อให้ความรู้กับนายหน้าที่เป็นสมาชิก มีส่วนช่วยลดปัญหาได้บ้าง รวมทั้งได้พยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้บริโภคใช้บริการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์กับนายหน้าอสังหาฯ ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ เนื่องจากได้ผ่านการฝึกอบรมให้มีความเชี่ยวชาญในการทำงาน รวมทั้งทำงานภายใต้กฎกติกาและข้อบังคับ เพราะมีคณะกรรมการจรรยาบรรณทำหน้าที่ควบคุม จึงสามารถช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายหน้าฯ กับผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ที่ผ่านมาประชาชนให้ความสนใจซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์มือสองเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% แต่ก็ถือว่ายังน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ” นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวและให้ความเห็นถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองว่า ได้เริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2-3 แล้ว จึงเชื่อว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ตลาดน่าจะขยายตัวต่อเนื่องจนถึงปีหน้า เพราะสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบ ประชาชนและผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายมากขึ้น โดยคาดว่าตลาดบ้านมือสองน่าจะขยายตัวประมาณ 15-20% เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายอย่างที่สนับสนุนให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย และคาดว่าจะทำให้ผู้บริโภคที่เคยเลื่อนการซื้อเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาตัดสินใจซื้อในช่วงนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ