กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--MTS Gold Group
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,205 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,215 เหรียญ/ออนซ์ (22.30 น.) ค่าเงินบาทปิด 32.43 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,500 บาท กับ 18,600 บาท และกลับมาปิดที่ 18,500 บาท กับ 18,600 บาท
ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 971 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 7,323 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 2.2% แบบ 10 บาท ลดลง 8.26% GFV14 ปิด 18,770 บาท และ GFZ14 ปิด 18,850 บาท GF10V14 ปิดที่ 18,760 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,830 บาท
สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 3.9 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,215.5 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 0.43 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 90.73 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 768.66 ตัน (ขายออก 1.2 ตัน)
ข่าวที่สำคัญ
-เมื่อคืนนี้ทองคำได้รับแรงสนับสนุนจากแรงซื้อของนักลงทุน หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวขอภาคการผลิตสหรัฐฯ
-นักวิเคราะห์ ระบุว่า เมื่อพิจารณาทางด้านเทคนิค จะพบว่าทองคำอยู่ในภาวะ Overbought มากเกินไป อันจะเห็นได้จากการลดปริมาณการถือครองทองคำของ SPDR ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2009
-เมื่อวานนี้ SPDR ยังคงลดการถือครองทองคำต่อเนื่องอีก 1.2 ตัน เหลือการถือครองเพียง 768.66 ตัน
-นักวิเคราะห์จาก Reuters ระบุว่า แม้ว่าเมื่อคืนนี้ราคาทองคำจะปิดสูงขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ใกล้บริเวณแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องอาจกดดันให้ทองคำหลุดลงมาทดสอบบริเวณจุดต่ำสุดเดิม 1,184 เหรียญ/ออนซ์ได้
-นักลงทุนให้ความสนใจไปยังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ เพื่อประเมินเกี่ยวกับภาพรวมของตลาดแรงงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณานโยบายการเงินของเฟด
-ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 1.2609 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2631 ยูโร/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกำลังพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีการปรับตัวในทิศทางที่แตกต่างกัน โดยเน้นให้ความสำคัญกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้
-การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายนปรับตัวสูงขึ้น 11,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 213,000 ตำแหน่ง จากการจ้างงานที่แข็งแกร่งมากขึ้นในภาคการผลิต ขณะที่ ดัชนี ISMภาคการผลิตของสหรัฐฯประจำเดือนกันยายนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 56.6 จากระดับ 59.0 ในเดือนก่อนหน้า
-ด้านดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษประจำเดือนกันยายนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.6 จากระดับ 52.2 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน
-นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซนประจำเดือนกันยายนปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน สู่ระดับ 50.3
-รัฐบาลอิตาลี คาดการณ์ว่า จีดีพีในปีนี้จะหดตัวลง 0.3% และคาดว่าจีดีพีในปีหน้าจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกันรัฐบาลฝรั่งเศสประกาศจะชะลอเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณลงสู่ระดับ 3% ของจีดีพีไปจนกว่าจะถึงปี 2015 เนื่องจากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง
-นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า ภาคการผลิตที่อ่อนแอในยูโรโซน อาจส่งผลให้อีซีบีดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของภูมิภาค
-แกนนำกลุ่มนักศึกษาในฮ่องกงประกาศยกระดับการชุมนุมที่อาจครอบคลุมโดยการยึดพื้นที่อาคารสำคัญของรัฐบาล หากนายเหลียง ชุน หยิง ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษของฮ่องกง ยืนกรานไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งภายในวันนี้
-เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.40% ซึ่งเป็นการปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการแล้ว เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการพบผู้ติดเชื้ออีโบล่ารายแรกในสหรัฐฯ รวมไปถึงผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและยูโรโซนที่ออกมาอ่อนแอลง
-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30 – 32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยจะเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับภูมิภาคเนื่องจากดอลลาร์ยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่า ขณะที่ปลายปีค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนแตะระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
-นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย คาดการณ์ว่า ดัชนี SET แกว่งตัวในลักษณะสร้างฐานใหม่ เพื่อเตรียมทดสอบ 1600 จุดอีกครั้ง โดยรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่า ครม.จะอนุมัติมาตรการออกมาแล้วแต่ยังคงเป็นมาตรการกว้าง ทั้งนี้ตลาดรอผลการประชุมอีซีบีที่คาดว่าอาจมีการประกาศใช้ QE
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- ADP Non-Farm Employment Change ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 202K ตัวเลขจริงเพิ่มขึ้นที่ระดับ 213K
- ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 59 ตัวเลขจริงออกมาลดลงที่ระดับ 56.6
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้
- Minimum Bid Rate (EUR) ตัวเลขเดิม 0.05% คาดการณ์ว่าจะทรงตัวเท่าเดิมที่ระดับ 0.05%
- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 293K คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 299K
- Factory Orders ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 10.5% คาดการณ์ว่าจะลดลงที่ระดับ -9.4%
- ECB President Draghi Speaks
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางการแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 1,208 – 1,217 เหรียญ และมีแรงเทขายมากพอสมควรหลังจากที่ราคากลับดีดขึ้นมาอย่างไม่คาดหมาย หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ ADP Non-Farm Payrolls ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ ISM Manufacturing PMI ออกมาแย่ลง การที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นคาดว่าจะมาจากข่าวอิสราเอลและปาเลสไตน์ ขณะที่ตุรกีกำลังรุกเข้าพื้นที่เพื่อจะโจมตี จึงคาดว่าจะเป็นข่าวในเชิง Geopolitics ที่จะกระทบในระยะสั้น ขณะที่ SPDR ยังเป็นผู้เทขายต่อเนื่องอีก 1.2 ตัน ปัจจุบันคงทองที่ระดับ 768.66 ตัน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในคืนนี้ คาดว่าจะออกไม่ดีได้แก่ Unemployment Claims และ Factory Orders อย่างไรก็ดี ตลาดจับตาตัวเลขสำคัญในคืนวันศุกร์ ได้แก่ Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานสูงขึ้นอย่างมาก
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำในระยะสั้นยังคงมีความผันผวน ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น จากที่อ่อนขึ้นไปถึงระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์วานนี้ และเช้านี้แข็งค่าลงสู่ระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเมื่อวานนี้ราคาทองคำมีความผันผวนและดีดขึ้นมาจากแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,220 เหรียญ ในวันนี้ จึงคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นเดิม ระหว่าง 1,205 – 1,220 เหรียญ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรในแนวโน้มขาลง โดยติดตามการแกว่งตัวเพื่อทำกำไรในระยะสั้น
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
แนะนำให้ปิดทำกำไรเป็นช่วงๆ ตามสภาพตลาด
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ลงทุนในกรอบระยะสั้น
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
แนะนำให้หาจังหวะปิดสถานะ Long และทำกำไรในแนวโน้มขาลง
Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,720 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,920 บาท
Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,750 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,950 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
ประชาสัมพันธ์:
1. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791”
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และ Gold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น.