เอสซีจี เปเปอร์ สานต่อความเป็นเพื่อนคู่คิดเกษตรกรไทย ชวนปลูกยูคาฯ คุ้มค่า มีอนาคต ชูจุดเด่น “ลงทุนน้อย ปลูกง่าย ขายได้ทั้งปี”

ข่าวทั่วไป Wednesday October 8, 2014 11:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--เอสซีจี เอสซีจี เปเปอร์ ตอกย้ำหนึ่งในเป้าหมายความเป็นเพื่อนคู่คิดเกษตรกรไทย ชี้ไม้ยูคาลิปตัสยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีค่า มีความต้องการในตลาดสูง และเป็นโอกาสดีในการสร้างรายได้ จึงชวนเกษตรกรร่วมปลูกยูคาลิปตัสผ่านโปรแกรมส่งเสริมการปลูก “ลงทุนน้อย ปลูกง่าย ขายได้ทั้งปี” ที่คุ้มค่าและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ กล่าวว่า “ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจกับการนำไม้ยูคาลิปตัสซึ่งเป็นไม้อุตสาหกรรมมาเป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มหาศาล ทั้งในแง่การสร้างคุณค่าและความสมดุลตลอดวงจรการใช้ไม้ ซึ่งมีมูลค่ารวมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสูงถึง 100,000 ล้านบาท และในแง่การนำมาเป็นทรัพยากรทดแทนทรัพยากรเดิมที่กำลังจะหมดไป ยูคาลิปตัสจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก” ในภาพรวมของปี 2557 ตลาดไม้ยูคาลิปตัสมีมูลค่ารวมประมาณ 17,000 ล้านบาท ใช้ในประเทศประมาณ 60% และส่งออก 40% มีอัตราการเติบโตประมาณ 5% และตลาดยังมีความต้องการไม้สูงกว่าปริมาณที่ผลิตได้ไปอีกถึง 5 ปีข้างหน้า ปัจจุบัน เอสซีจี เปเปอร์ ซื้อไม้ประมาณ 2,700,000 ตันต่อปี โดยใช้ในประเทศ 2,300,000 ตันต่อปี และส่งออก 400,000 ตันต่อปี และมีแนวโน้มการใช้สูงขึ้น นอกจากการใช้ไม้เพื่อผลิตเยื่อกระดาษ เอสซีจี เปเปอร์ ยังมุ่งสร้างประโยชน์จากไม้ยูคาลิปตัสให้เกิดคุณค่าสูงสุดและใช้ให้ได้ทุกส่วน บริษัทฯ จึงลงทุนและขยายกิจการไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มมูลค่าไม้ยูคาลิปตัสที่ได้ดำเนินการแล้วในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจกระบะไม้ (Wood Pallet) ด้วยการนำไม้ท่อนใหญ่มาผ่านกระบวนการแปรรูปที่มีมาตรฐาน จนได้เป็นกระบะไม้คุณภาพสูง แข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้มาก ธุรกิจเชื้อเพลิงไม้อัดเม็ด (Wood Pellet) เป็นการผลิตเชื้อเพลิงจากเปลือกไม้ยูคาลิปตัสซึ่งเป็นเศษเหลือใช้จากกระบวนการผลิตมาอัดเป็นเม็ด นำไปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลซึ่งให้ค่าความร้อนสูงเพื่อทดแทนพลังงานอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานขนาดเล็กเพื่อชุมชน จากการนำกิ่งไม้ปลายไม้และเศษไม้ที่เหลือใช้จากการแปรรูปมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในชุมชน” “นอกจากนี้ เอสซีจี เปเปอร์ ยังลงทุนพัฒนาสายพันธุ์ยูคาลิปตัสและนำเสนอบริการใหม่ ๆ การขยายเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรเครือข่ายที่ปัจจุบันมีอยู่ถึง 100,000 ราย รวมทั้งเกษตรกรรายใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมส่งเสริมการปลูกอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจและมาร่วมปลูกยูคาลิปตัสกับเอสซีจี เปเปอร์” รุ่งโรจน์กล่าว นายจุมพฏ ตัณมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามฟอเรสทรี จำกัด ในเอสซีจี เปเปอร์ กล่าวว่า “บริษัทสยาม ฟอเรสทรี จำกัด ในเอสซีจี เปเปอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจวิจัยพัฒนาพันธุ์ต้นยูคาลิปตัส ตลอดจนส่งเสริมการปลูกและรับซื้อไม้ ได้เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดของยูคาลิปตัสที่ยังเติบโตและมีตลาดรับซื้อที่ชัดเจน จากการเป็นเพื่อนคู่คิดเกษตรกรไทย บริษัทฯ จึงเสนอทางเลือกให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มด้วยการมาร่วมปลูกยูคาลิปตัสกับเอสซีจี เปเปอร์ ผ่านโปรแกรมส่งเสริมการปลูก “ลงทุนน้อย ปลูกง่าย ขายได้ทั้งปี” ที่รับรองความคุ้มค่า และมีอนาคตแน่นอนจากรายได้ที่ต่อเนื่องและยั่งยืน ด้านลงทุนน้อย เกษตรกรที่ปลูกยูคาลิปตัสกับเอสซีจี เปเปอร์ ไม่จำเป็นต้องมีแปลงที่ดินหรือเงินทุนจำนวนมาก เพียงแค่มีพื้นที่ริมคันนา หรือริมคลอง ก็สามารถปลูกยูคาลิปตัสของเอสซีจี เปเปอร์ ได้ ทั้งยังสามารถปลูกควบคู่กับพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้เสริมได้ด้วย โดยการลงทุนปลูกครั้งแรกกับเอสซีจี เปเปอร์ ใช้เงินทุนน้อยมากประมาณ 500 - 2,000 บาทต่อไร่เท่านั้น ไม่ต้องใช้แรงงานคนเพื่อดูแลเท่าพืชอื่น ๆ เพราะสายพันธุ์ของเอสซีจี เปเปอร์ ผ่านการพัฒนามาแล้ว ทำให้ภายใน 4 ปี ก็สามารถตัดขายได้ราคาต้นละ 60-80 บาท และหลังจากตัดแล้ว ยูคาลิปตัสสามารถแตกหน่อใหม่ในรอบที่ 2 และ 3 ได้เอง จึงถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินทุนและเวลาที่ใช้ในการปลูก ยิ่งไปกว่านั้น ทุกจุดการรับซื้อยูคาลิปตัสของเอสซีจี เปเปอร์ จ่ายค่าไม้ให้กับเกษตรกรเป็นเงินสดทันที ทำให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนและวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น ด้านการปลูกง่าย เอสซีจี เปเปอร์ พัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ในประเทศไทยมากถึง 10 สายพันธุ์ สามารถครอบคลุมชนิดดินได้เกือบทั้งประเทศเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น และยังลดปัญหาเรื่องพืชและแมลงศัตรูพืชซึ่งสร้างปัญหาให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้ผลผลิตทั้งน้ำหนักและจำนวนผลผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เอสซีจี เปเปอร์ ยังมีบริการแนะนำวิธีการปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีความรู้และได้ผลผลิตที่น่าพอใจมากยิ่งขึ้น สุดท้ายในด้านขายได้ทั้งปี เกษตรกรสามารถเลือกขายได้ทั้งปี ไม่ขึ้นกับฤดูกาลหรือช่วงเวลาขาย และสามารถขายให้กับเอสซีจี เปเปอร์ ได้ทั้งต้น เพราะทุกส่วนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ เอสซีจี เปเปอร์ ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้เกษตรกรโดยการสร้างเครือข่ายและเพิ่มช่องทางในการรับซื้อไม้ ซึ่งมีกระจายตามจุดต่าง ๆ มากถึง 250 จุดทั่วประเทศ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตกรไม่ต้องลำบากในการขนส่งไม้เพื่อนำมาขาย ด้วยความใส่ใจและเข้าใจถึงปัญหาที่เกษตรกรผู้ปลูกยูคาลิปตัสต้องพบอยู่ในปัจจุบัน การเป็นเพื่อนคู่คิดเกษตรกรไทยจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเอสซีจี เปเปอร์ ที่จะช่วยชี้ช่องทางและหาทางออกให้กับเกษตรกรให้มีรายได้ที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมปลูกยูคาลิปตัสในโปรแกรม “ลงทุนน้อย ปลูกง่าย ขายได้ทั้งปี” ประกอบกับบริการเฉพาะที่นำเสนอพิเศษให้กับเกษตรกรจะช่วยตอบโจทย์ให้กับเกษตรกรมีรายได้และสร้างมูลค่าจากที่ดินได้มากยิ่งขึ้น โดยเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์อีสาน โทร. 043-433-355 ศูนย์ตะวันตกและเหนือ โทร. 034-615-040 หรือ http://paper.scg.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ