กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2557 จำนวน 9,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 546 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.0 จากไตรมาส 2 ปี 2557 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 147 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1,650 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 305 ล้านบาท
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวภายหลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองคลี่คลายในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2557 ความเชื่อมั่นทั้งของผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อนไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังคงฟื้นตัวช้าและธุรกิจบางส่วนยังคงรอดูความชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจอีกระยะหนึ่ง ในขณะที่การลงทุนภาครัฐยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น และคาดว่าจะเริ่มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไป
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,741,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 56,009 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 แต่ลดลงจำนวน 11,221 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.6 จาก ณ สิ้นปี 2556 จากการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความต้องการสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อกิจการต่างประเทศยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 46,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,890 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปีก่อน แต่มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อที่ร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.2 สินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นเกิดจากลูกค้าขนาดกลางถึงใหญ่บางรายได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงภาวะเศรษฐกิจและตลาดการแข่งขัน ซึ่งธนาคารได้มีการดูแล ให้คำปรึกษา และความช่วยเหลือแก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ในไตรมาสนี้ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 3,313 ล้านบาท ส่งผลให้ 9 เดือนแรกธนาคารมีการตั้งสำรองฯ แล้วทั้งสิ้น 7,747 ล้านบาท มีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้ สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 198.2 และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ ร้อยละ 5.2
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 1,919,357 ล้านบาท ลดลง 15,915 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.8 จากสิ้นปี 2556 เนื่องจากเงินรับฝากประจำครบกำหนดบางส่วนมีการย้ายไปลงทุนในกองทุนรวมหรือ ชำระคืนสินเชื่อ และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ในระดับร้อยละ 90.7 ลดลงจากร้อยละ 92.7 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
ไตรมาส 3 ปี 2557 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 15,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากไตรมาสก่อนหน้า และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ร้อยละ 2.44 ซึ่งเท่ากับไตรมาส 2 ปีนี้ เนื่องจากธนาคารยังคงสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากได้ดี รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 10,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,650 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.8 จากไตรมาส 2 เนื่องจากในไตรมาสนี้ธนาคารมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุน 2,465 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจำนวน 5,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.8 ส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมบริการกองทุนรวม
ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 10,656 ล้านบาท ลดลงจำนวน 305 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.8 จากไตรมาส 2 ปี 2557 เนื่องจากธนาคารมีการควบคุมค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมีการขยายเครือข่ายสาขา เครื่องบริการอิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาระบบงานอย่างต่อเนื่อง ธนาคารมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงจากร้อยละ 45.2 ในไตรมาส 2 ปี 2557 เป็น ร้อยละ 40.9 ในไตรมาสนี้
ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิของไตรมาส 3 เข้าเป็นเงินกองทุนของธนาคาร อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.7 ร้อยละ 16.4 และร้อยละ 16.4 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 มีจำนวน 318,834 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.3 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 167.03 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 12.00 บาท จากสิ้นปี 2556