สหมงคลฟิล์ม เสนอภาพยนตร์ เรื่อง "แหยม ยโสธร"

ข่าวทั่วไป Wednesday August 10, 2005 16:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
แหยม ยโสธร
กำหนดเข้าฉาย 8 กันยายน 2548
แนวภาพยนตร์ โรแมนติก- คอเมดี้
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ดำเนินงานสร้าง บาแรมยู และบั้งไฟฟิล์ม
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์
กำกับภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
บทภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
เรียบเรียงบทภาพยนตร์ เนปาลี, ปิยรส ทองดี
ผู้กำกับภาพ จิระเดช สำเนียงเสนาะ
กำกับศิลป์ วิชา วิรัชดำรงค์
ออกแบบงานสร้าง บุญชัย อภินทนาพงศ์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย นิรชรา วรรณาลัย
แต่งหน้า ภารุจ นราประสิทธิ์
ทำผม โสภา บุญเรือง
นำแสดงโดย เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา (หม่ำ จ๊กมก),
นงนุช สมบูรณ์ (เจเนท เขียว)
เทียมใจ วงษ์คำเหลา (แวว จ๊กมก),
ชัยพันธ์ นินกง (อุ้ม),
เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ (ออแกน)
เรื่องรักๆ ของหนุ่มสาวชาวเมืองข้าวเหนียว
ง้องอน อ้อนรัก... จนเหล่าควายยังแอบหมันไส้
คำเตือน
- บริหารกรามและดูแลกล้ามเนื้อส่วนท้องไว้ให้ดี ก่อนชมภาพยนตร์
- ไม่ควรชมภาพยนตร์เรื่องนี้โดยลำพัง เนื่องจากอาจะทำให้ผู้ชมเกิดอาการท้องแข็งได้โดยฉับพลัน หรืออาจมีอาการหายใจติดขัดเป็นระยะๆ ตี ทุบ จิกบุคคลอื่นได้ จึงควรมีบุคคลอื่นร่วมด้วยเผื่อเกิดอาการดังกล่าว
เรื่องย่อ
เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะใสซื่อบริสุทธิ์ของคนหนุ่มคนสาวบ้านไร่แดนอีสาน โดยผ่านมุมมองของ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หม่ำ จ๊กมก” ตลกชื่อดังที่ฝากผลงานให้สะท้านกันมาแล้วทั่วหน้าจาก “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” และคราวนี้กลับมาอีกครั้งพร้อมทำหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงเหมือนเดิม แต่หนีบนักร้องสาวพันหน้าอย่าง “เจเนต เขียว” มาร่วมแจมความฮากันกระจุยกระจายเต็มท้องทุ่งยโสธร ร่วมด้วยน้องสาวพราวเสน่ห์อย่าง “แวว จ๊กม๊ก” และนักแสดงหน้าใหม่เลือดอีสานเข็มข้น “อุ้ม” ชัยพันธ์ นินกง, “ออแกน” เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ ด้วยแรงบันดาลใจจากหนังรักทั้งหลายในอดีต บวกกับทิศทางความตลกโปกฮาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งวันนี้จึงได้ออกมาเป็นผลงานสร้างเสียงหัวเราะในภาพยนตร์ โรแมนติก — คอเมดี้ ชื่อว่า “แหยม ยโสธร”
กลางทุ่งนาที่ร้อนเดือดพล่านของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร “ทอง” (ชัยพันธ์ นินกง)และ “สร้อย”(เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) กำลังจีบกันอย่างชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะที่ “แหยม” (หม่ำ จ๊กม๊ก) น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มคนเดียวของทองถูก “เจ้ย” (เจเนต เขียว) สาวหน้าคมคล้ำ..คมขำ ทั้งตามตื้อตามจีบหลงรักสุดหล่ออย่างแหยมชนิดหัวปักหัวปำ ทำให้แหยมรำคาญเป็นที่ซู๊ดดด...ทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่าเจ้ยหลงรักแหยมอย่างลงรากฝังลึก และพยายามทุกทางให้แหยมตอบรับน้ำใจอันนี้ แม้ว่าทองกับสร้อยจะช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียที แต่แหยมก็ไม่เคยหันมาสนใจ
และถึงแม้ว่าเรื่องราวความรักของทองและสร้อยกำลังไปกันได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่ยังคงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจาก “คุณนายดอกท้อ” (แวว จ๊กม๊ก) คุณป้าสุดเฉิงวับระดับไฮโซของสร้อยนั้นจงเกลียดจงชังความจนของทองมากเหลือเกิน ทำให้คุณนายดอกท้อเข้าขัดขวางทั้งคู่ทุกวิถีทางแยกความรักของพวกเขาไปไกลถึงเมืองบางกอก ฝ่ายสาว ๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานใจเพราะพิษแห่งความคิดถึงทองและแหยม จนกระทั่งวันนึงสร้อยได้รับคำสั่งจากคุณนายดอกท้อให้กลับไปยังบ้านนอกด่วน เนื่องจากได้จัดงานหมั้นอย่างใหญ่โตให้กับสร้อยและพ่อยอดชายลูกชายกำนันที่แสนจะมั่งคั่งหล่อเข้มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรักระหว่างสร้อยและทองจะสมหวังหรือไม่นั้น แหยมและเจ้ยจะร่วมหอลงโรงกันได้หรือเปล่า
ติดตามและเอาใจช่วยเหล่านักรักกันได้ใน แหยม ยโสธร ภาพยนตร์โรแมนติค — คอเมดี้ ที่เต็มไปด้วยความฮา น่ารัก ซื่อกวนประสาท จากเหล่านักแสดงตลกมืออาชีพกันได้ 8 กันยายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์
คู่นี้....ฟ้าส่งมาระเบิด (เสียงฮา)
แหยม
รับบทโดย เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา “หม่ำ จ๊กม๊ก” นักแสดง และผู้กำกับมากฝีมือ ไปที่ไหนฮาที่นั่น
แหยมเป็นชายหนุ่มเนื้อแน่นวัยกลางคน เป็นน้าของทอง ขยัน อดทน มีเมตตาต่อสัตว์ เห็นสัตว์ถูกรังแกหรือบาดเจ็บไม่ได้ ต้องนำกลับมารักษาที่บ้าน จนที่บ้านเต็มไปด้วยสารพัดสัตว์นานาชนิด ด้วยความมีเมตตาทำให้เจ้ยหลงรักแหยม แต่แหยมกลับเกลียดซะเหลือเกิน ไม่ค่อยชอบเจ้ยที่คอยตามตื้อ และบางครั้งแหยมก็ต้องพยายามทำดีกับเจ้ยเพื่อให้ทองหลานชายได้เจอสร้อยแฟนสาว
เจ้ย
รับบทโดย นงนุช สมบูรณ์ “เจเนท เขียว”
สาวสวยผิวคล้ำที่ได้รับฉายาว่าเป็นสาวพันหน้าที่มากด้วยความแปลกใหม่ เจ้ย เป็นพี่เลี้ยงสร้อย ตัวดำ ฟันเหลือง หน้าตาตกกระขี้เหล่แต่จริงใจ นิสัยสนุกสนาน เฮฮา เป็นคนอารมณ์ดีเจ้าบทเจ้ากลอน เป็นคนที่มุ่งมั่นในความรักที่มีต่อแหยมแม้รู้ว่าแหยมนั้นไม่ค่อยชอบก็ตาม แต่เจ้ยก็พยายามทำทุกวิถีทางอย่างไม่ลดละ ทั้งยังทำหน้าที่เป็นผู้วางแผนการต่าง ๆ เพื่อให้สร้อยได้เจอกับทอง
คู่นี้....ฟ้าตั้งใจ๊ตั้งใจส่งมาเกิด
ทอง
รับบทโดยพระเอกหนุ่มหน้าใหม่วัยเอาการเอางานจากจังหวัดอุบลราชธานี “อุ้ม” ชัยพันธ์ นินกง
ทอง ชายหนุ่มอายุ 20 ปี เป็นคนขยันขันแข็ง อดทน ซื่อ ๆ จริงใจเป็นที่สุด มีสร้อยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทองรัก แต่ด้วยความจนจึงถูกเหยียดหยามและถูกกีดกันจากคุณนายดอกท้อ (ป้านางเอก) ไม่ให้ทั้งคู่สมหวังในความรัก แต่ด้วยความรักทองจึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้รักนั้นสมหวัง
สร้อย
รับบทโดยนักแสดงหน้าสาวมนคนใหม่วัยละอ่อน “ออแกน” เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ
หญิงสาวสวยสะดุดใจประจำอำเภอ และเป็นที่หมายปองของบรรดาหนุ่มๆ รวมถึงยอดชาย (ลูกชายกำนัน) แต่หัวใจของสร้อยมิอาจรักชายอื่นได้นอกจากทอง ทั้งคู่ต้องแอบลักลอบเจอกันประจำเนื่องจากถูกกีดกันจากคุณนายดอกท้อ (อีกแล้ว) สร้อยเองต้องทนถูกด่าว่าเพื่อให้ได้เจอกับทองหนุ่มเดียวในดวงใจ
คู่นี้ฟ้าเขาส่งมาเป็นมาร (ความรัก)
คุณนายดอกท้อ กับช้างยิ้ม (สาวใช้)
รับบทโดย เทียมใจ วงษ์คำเหลา “แววจ๊กม๊ก” น้องสาวมากเสียงฮาของผู้กำกับหม่ำ จ๊กมก คุณนายดอกท้อเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยสาวอายุ 38 ปี เจ้าแม่เงินกู้เป็นที่รู้จักไปทั้งอำเภอ ปากร้าย ชอบแต่งตัวให้ดูเด่นกว่าคนอื่น เกลียดคนจนและพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สร้อยหลานสาวของตนไปรักทอง พยายามบังคับให้สร้อยนั้นรักกับยอดชาย (ลูกชายกำนัน) ซึ่งมีฐานะใกล้เคียงกัน
ช้างยิ้ม สาวใช้คนสนิท จนติดนิสัยร้าย ๆ มาจากคุณนาย คอยทำหน้าตาเป็นนางอิจฉาอยู่ใกล้ๆ เป็นหูเป็นตาเป็นจมูกให้กับคุณนาย
ผู้กำกับคาเฟ่
ไม่ต้องพูดถึงความดังสมัยก่อนกันอีกแล้วสำหรับคนๆ นี้ หม่ำ จ๊กมก เมื่อครั้งยังเป็นตลกคาเฟ่ เที่ยวเร่ร่อนแสดงตลกแลกกับเงินเพื่อเลี้ยงตัวและครอบครัว เพราะเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของคนนี้ไม่ได้หาอ่านหรือหายากอีกต่อไป ประสบความสำเร็จมาแล้วจากอาชีพตลกคาเฟ่ พิธีกร นักแสดง สามีและพ่อที่ดีของครอบครัว แต่ทั้งหมดนี้ชื่อของ “หม่ำ” เป็นชื่อเล่นชื่อเดียวที่ทุกคนพูดติดปากและจดจำได้
แต่...เมื่อต้นปี 2547 เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา กลายเป็นชื่อที่ฟังดูไม่แปลกหูอีกต่อไป เมื่อนักแสดงตลกชื่อดังคับฟ้าเมืองไทยลงกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตอย่าง “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” ภาพยนตร์แอคชั่น — คอเมดี้ ที่ลบภาพบอดี้การ์ดมาดเท่ห์ให้หดหายไปจากความทรงจำใครหลายคนได้อย่างไร้ร่องรอยกับบทบาทของ “วงศ์คม” หนุ่มหน้าเหลี่ยมอารมณ์ขรึม ควงปืน แก้ผ้าวิ่งรอบอนุสาวรีย์อย่างไม่อายฟ้าอายดิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าเหลี่ยมๆ ที่เราเห็นในหนังคนนี่แหละคือคนเดียวกันกับ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ “หม่ำจ๊กม๊ก” นักแสดงตลกชื่อดังคับฟ้าเมืองไทยนั่นเอง
ท่ามกลางคำงุนงงของหลาย ๆ คนที่เพ่งเล็งจับตามอง “ตลกกำกับหนัง” ก็ไม่ได้ทำให้แรงบันดาลใจที่เกิดจากความรักหนังที่ถูกสะสมมาแรมหลายปีลดน้อยลงไป แต่กลับเป็นการเพิ่มแรงฮึดจากข้าวเหนียวให้ก่อตัวแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยความเป็นคนที่หลงใหลภาพยนตร์มาแต่ไหนแต่ไรบวกกับความตลกชนิดที่ไม่มีใครเกิน การเล่าเรื่องอะไรก็ตามจึงหนีไม่พ้นการสร้างเสียงฮาให้กับผู้ชมเป็นหลัก และผลพิสูจน์จากเสียงหัวเราะที่สั่นสะเทือนโรงภาพยนตร์และรายได้ร่วม 80 ล้านคือตัวเลขที่ทำให้เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา สามารถที่จะสร้างสถานะใหม่ในฐานะ “ผู้กำกับ” คนหนึ่งในเมืองไทยได้อย่างเต็มตัว
“ถ้าพูดถึงบทบาทหลาย ๆ อย่างที่ทำ ๆ อยู่ ถ้าให้ชอบจริง ๆ ผมว่าผมชอบตลกมากกว่าสิ่งอื่นเลย เพราะชีวิตจิตใจนั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ....โอ้!! พระเจ้าให้ตายสิจ๊อช มันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ เพราะไม่ว่าชีวิตผมมันจะทำอะไร มันก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราแล้วอาชีพตลกเนี่ย ต่อให้จะทำหนังทำอะไรก็แล้วแต่ มันรู้สึกได้กับตัวเราเองว่าน่าจะทำอะไรที่เป็นเรื่องที่สนุกสนาน ซึ่งมันก็คือเรื่องตลกนั่นเอง”
พักจากนักบู๊ มาเป็นนักรัก
หลังจากที่กราดเสียงหัวเราะถล่มวงการเจ้าพ่อไปเรียบร้อยแล้วจาก “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” จนมาในวันนี้ “แหยม ยโสธร” คือเรื่องราวอีกเรื่องนึงที่กำเนิดเกิดขึ้นจากไข่ เอ้ย...สมองอันเดียวกันกับผู้กำกับมาดตลกคนเดิม แต่คราวนี้ แหยม ยโสธรไม่ได้พูดถึงแอคชั่นวงการเจ้าพ่อเลยสักแอ๊ะเดียว กลับพูดถึงความรักอันแสนจะน้ำเน่าของหนุ่มสาวชาวยโสธร ตัวแทนคนอีสานที่จะถ่ายทอดให้คนทั่วประเทศได้เห็นความรักหวานซึ้งกวนประสาท บนความใสซื่อบริสุทธิ์ตามแบบฉบับชาวไร่ชาวนา เต็มไปด้วยมุขแพรวพราว ตลกฮา ของเหล่านักแสดงอารมณ์ขันสุดบรรเจิด หม่ำ จ๊กม๊ก, เจเนท เขียว, แวว จ๊กม๊ก, ร่วมด้วยนักแสดงพระเอก นางเอกหน้าใหม่จากแดนอีสาน อุ้ม ชัยพันธ์ นินกง, ออแกน เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ พร้อมเหล่านักแสดงประกอบคาแรกเตอร์ประหลาด ตลก แหวกแนวอีกมากมาย
“โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าผมจะทำหนังอะไรสักเรื่องผมว่าผมก็คงต้องทำหนังตลกอยู่ดีนั่นแหละ เพราะเรารู้สึกว่าถ้าจะให้ผมมาทำหนังเครียด ๆ ซีเรียสอะไรแบบนั้น ผมคงทำไม่ได้ ต้องเป็นหนังตลกเท่านั้นจะบู๊ รัก สยองขวัญ มันก็ต้องเป็นแบบฉบับของผม ต้องหนังตลกเท่านั้น ชัดแจนเลย จะไม่ทำหนังแบบอื่นเลย”
ถึงแม้ว่าจะดูว่าเป็นหนังที่แสนจะบ้านนอก แต่โปรดักชั่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ธรรมดา นับตั้งแต่สีสันที่ใช้เปรี้ยวปรี๊ดแสบตาไปทั่วทุ่งทั้งเสื้อผ้าหน้าผม บ้านหรือสถานที่ต่างๆ และอุปกรณ์ประกอบยุคสมัยก่อน แถมยังใช้เทคนิคการกัดสี เน้นความสดใสฉูดฉาดเพิ่มมากขึ้นไปอีก จนเรียกได้ว่าแสบไปหมดตั้งแต่มุขตลกที่ใช้ ไปจนถึงการดีไซน์ภาพ พร้อมด้วยวงดนตรีกวนประสาทประจำหมู่บ้านที่คอยคร่ำครวญเพลงบรรเลงกล่อมอารมณ์นักรักทั้งหลายด้วยบทเพลงอันไพเราะ โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยการใช้ภาษาอีสาน และ sub-title สำหรับคนที่ไม่สันทัดทางด้านภาษาท้องถิ่นอีกด้วย
8 กันยายนนี้ร่วมพิสูจน์บทที่สองของ “ตลกทำหนัง” ได้ทุกโรงภาพยนตร์
ยโสธร... ฮู่จั๋กบ่ออ๊าย
เมืองยโสธรเดิมชื่อเมืองผาสุนทร ซึ่งแปลว่ามียศอันดีงาม ชาวยโสธรเรียกตัวเองว่า ชาวเมืองยศ คำว่ายโสธรนั้น แต่เดิมเขียน ยะโสธร เมื่อเรียกสั้น ๆ จะเหลือแต่ยะโส ฟังดูไม่เป็นมงคลจึงได้ทีการขอเปลี่ยนมายังกระทรวงมหาดไทยเสียใหม่ยโสธร ในราว พ.ศ. 2329 กรุงรัตนโกสินทร์ได้มีการอพยพคนจากฝั่งซ้ายมาอยู่ฝังขวาของแม่น้ำโขงหลายแห่งได้แก่พระปทุมสุรราช (คำพง) พร้อมด้วยท้าวทิตพรหมแล้วท้าวก่ำซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่คอยคุมเลขทหารของนครจำปาศักดิ์อยู่ที่บ้านคู่ บ้านแก ได้ขอ พระบรมราชานุญาตอพยพครอบครัวชาวลาวเวียงจันทร์ของตนเข้ามาตั้งฐานใหม่ ที่บ้าน ห้วยแจะระแมท้าวฝ่ายหน้าและท้าวสิงห์ พวกพระวอพระตาไปตั้งอยู่ที่บ้านสิงห์ก็ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ย้ายไปได้ตามที่ขอบ้านสิงห์ท่าได้รับการพัฒนาให้เจริญขึ้น เพื่อจะได้เป็นเมือง
ต่อไปได้สร้างวัด 2 วัด คือ วัดมหาธาตุ และวัดสิงห์ท่า ใน พ.ศ. 2334 อ้ายเชียงแก้วได้คิดกบฏคุมพวกล้อมเมืองจำปาศักดิ์ แต่ก่อนที่กองทัพ ที่โปรดเกล้าฯให้ไปรบจะไปถึงพระปทุมสุรราชบ้านห้วยแจะระแม กับท้าวฝ่ายหน้าบ้าน สิงห์ท่าได้รวมกำลังยกไปปราบอ้ายเชียงแก้วได้ราบคาบก่อนเพื่อเป็นบำเหน็จความชอบ รัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านห้วยแจะระแมขึ้นเป็นเมือง พระราชทานชื่อว่า เมืองอุบลราชธานีเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงเมืองนครเขื่อนขันธ์ กาบแก้ว บัวบาน
ส่วนทาง บ้านสิงห์เท้านั้นท้าวฝ่ายหน้ามีความดีความชอบ จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นเจ้า พระยาวิชัยราชขัติวงศาครองนครจำปาศักดิ์ ส่วนท้าวสิงห์ผู้เป็นบุตรคนโตโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ราชวงศ์ (เป็นตำแหน่งลำดับสาม รองจากเจ้าเมือง) ขึ้นกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ ครั้น พ.ศ. 2357 เมื่อราชวงศ์ (สิงห์) กราบบังคมทูลไม่สมัครใจทำราชการอยู่กับเมือง นครจำปาศักดิ์ก็โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านสิงห์ท่าขึ้นเป็นเมือง และพระราชทาน ชื่อว่า เมืองยศสุนทรพร้อมกันนั้นได้ทรงเลื่อนราชวงศ์ พระสุนทรราชวงศา รับตำแหน่งเป็น เจ้าเมืองใหม่คนแรกและขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ พ.ศ. 2436
เมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงแก้ไข ปรับปรุงการปกครองท้องถิ่นโดยยุบเมืองเล็กมาเป็นอำเภอหรือตำบลปรากฏว่า พ.ศ. 2443 ได้รวมเมืองยโสธรเข้ามาในบริเวณเมืองอุบลราชธานี แล้วแยกท้องที่ออก เป็น2 อำเภอ เรียกว่าอำเภออุทัยยโสธร แล้วอำเภอประจิมยโสธร ไปรวมตั้งเป็นจังหวัด อุบลราชธานีจนถึงพ.ศ. 2453 จึงย้ายอำเภออุทัยยโสธรออกไปตั้งที่ตำบลลมพุก (ซึ่ง ต่อมาเรียกอำเภอคำเขื่อนแก้ว) ส่วนอำเภอประจิมยโสธร คงตั้งอยู่ในตัวเมืองที่ตำบลในเมือง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอยโสธร เมื่อ พ.ศ. 2456 ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบล เมื่อ 26 ธ.ค 2487 และได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็นเทศบาลตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับ ที่71 ลงวันที่ 6 ก.พ. 2515 มีผลใช้บังคับ 1 มีนาคม 2515 (เป็นจังหวัด)
อาณาเขต
จังหวัดยโสธรมีเนื้อที่ 4,161 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในเขตอีสานตอนล่างเป็นที่ราบสูงมีดินปนทราย ทางทิศเหนือมีภูเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน พืชสำคัญๆ ที่ปลูก เช่น ข้าว ปอ มันสำปะหลัง สามารถทำได้เฉพาะฤดูฝนเท่านั้น ในฤดูแล้งมีความแห้งแล้งมาก อากาศร้อนจัด ในฤดูหนาวอากาศหนาวจัด สามารเพาะปลูกพืชผักสวนครัวได้ดี สภาพของป่าเหลือน้อย มีลักษณะเป็นป่าโปร่ง ทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกเป็นที่ราบเหมาะสำหรับเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ทางทิศใต้เป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การทำนา มีแม่น้ำชีไหลผ่าน เป็นระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร
ทิศเหนือติดต่อกับนครพนม และร้อยเอ็ด ทิศใต้ติดต่อ กับศรีสะเกษ ทิศตะวันออกติด ต่อกับอุบลราชธานี ทิศตะวันตกติดต่อกับร้อยเอ็ดห่างจากกระเทพฯ 578 กิโลเมตร พื้นที่ 4,124.2 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อ. เมืองยโสธร อ. คำเขื่อนแก้ว อ. กุดชุม อ. ป่าติ้ว อ. มหาชนะชัย อ. เลิงนกทา อ. ค้อวัง อ. ทรายมูล
อาชีพหลัก
ทำนา ทำไร่ ปอแก้ว เลี้ยงสัตว์ ไร่มันสำปะหลัง
คำขวัญประจำจังหวัด
เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิต แหล่งผลิตข้าวมะลิ
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ