สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 27, 2014 10:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,229 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,231เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.45 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950บาท และกลับมาปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 701 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,334 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.8% แบบ10 บาท ลดลง 2.6% GFV14 ปิด 18,960 บาท และ GFZ14 ปิด 19,020 บาท GF10V14 ปิดที่ 18,970 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,040 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 2.7 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,231.8 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 81.01 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR (ขายออก 4.48 ตัน) ถือครองทองคำที่ระดับ 745.39 ตัน ข่าวที่สำคัญ -ทองคำปรับตัวขึ้น จากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วันทำการ รวมถึงการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ในรอบ 4 วันทำการ -ผลสำรวจจาก Kitco แสดงให้เห็นว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าในสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลงมากกว่าปรับตัวขึ้น หรือเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง -อย่างไรก็ดี หากทองคำไม่สามารถกลับมาทรงตัวหรือยืนอยู่เหนือบริเวณ 1,250 เหรียญ/ออนซ์ได้ ราคาอาจร่วงลงมาทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญ 1,215 เหรียญ/ออนซ์ -นักวิเคราะห์จาก ลาแซล ฟิวเจอร์ส กรุ๊ป กล่าวว่า ในเชิงเทคนิคราคาทองคำยังคงยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันในกราฟรายวัน บริเวณ 1,225.9 เหรียญ ซึ่งหากราคาทองคำหลุดต่ำระดับดังกล่าวในสัปดาห์นี้ เรามีโอกาสจะเห็นทองคำร่วงลงอย่างรุนแรงไปยังบริเวณ 1,200 เหรียญ -ดีลเลอร์ทองคำของอียู กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายนทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจนถึงช่วงเทศกาลคริสมาสต์ในเดือนธันวาคม -ในคืนวันศุกร์ SDPR เทขายทองคำออก 4.48 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 745.39 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2008 -สัญญาทองคำส่งมอบเดือนตุลาคมในตลาด COMEX และตลาดTFEX จะหมดอายุลงในสัปดาห์หน้า (30 ต.ค.) -ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2666 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2653 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนค่าเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.07 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 108.19 เยน/ดอลลาร์ เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาได้กระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย -ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนกันยายนของสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 0.2% สู่ระดับ 467,000 ยูนิต ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนสิงหาคมถูกปรับทบทวนลงอย่างมาก -ตลาดต่างๆ จับตาการประชุมเฟดที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 28 – 29 ตุลาคมนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า เฟดจะสิ้นสุดมาตรการ QE ในเดือนนี้ และอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนกลางปี 2015 หลังสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวดีขึ้น แม้ว่าการประชุมในเดือนก่อนหน้าเฟดจะให้คำมั่นว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง -ผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของอีซีบีในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า มีธนาคารพาณิชย์จำนวน 25 แห่งจาก 130 แห่งในยูโรโซนที่ไม่ผ่านการทดสอบในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต -อย่างไรก็ดี รองประธานอีซีบี กล่าวว่า ผลการทดสอบช่วยให้อีซีบีสามารถปรับงบดุลให้มีความเหมาะสมและมีความสมดุล เพื่อให้การกู้ยืมในยูโรโซนเป็นไปอย่างราบรื่น และจะช่วยให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวต่อไป ซึ่งธนาคารที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งนี้จะต้องเตรียมแผนเงินทุนภายใน 2 สัปดาห์ และอีก 9 เดือนในการชดเชยฐานเงินทุนที่ต่ำกว่าข้อกำหนดของอีซีบีที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านยูโร -นักวิเคราะห์ ระบุว่า การที่ธนาคารส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบ Stress Test ของอีซีบี ได้ช่วยหนุนให้อีซีบีมีความเชื่อมั่นในการเข้าซื้อสินทรัพย์สูงขึ้น และจะช่วยให้เกิดสภาพคล่องในระบบการเงินเพิ่มมากขึ้น -ฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถืออิตาลีและสเปนที่ระดับ BBB+ ในอันดับมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันก็ได้กล่าวเตือนอิตาลีว่า หนี้รัฐบาลระดับสูงจะส่งให้อิตาลีมีความยืดหยุ่นทางการคลังที่จำกัดต่อเหตุการณ์เชิงลบที่อาจเกิดขึ้นได้ -น้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลง 1.3% ในคืนวันศุกร์ โดยเทรดเดอร์ กล่าวว่า การที่ซาอุดิอาระเบียลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบไม่ได้ส่งสัญญาณว่าการผลิตของประเทศลดลง -เมื่อวานนี้ นางดิลมา รัสเซฟ หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย ชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลอีกครั้ง -ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.76% ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยนักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่ทยอยเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง -ตลาดหุ้นโตเกียวเปิด +0.47% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการทะยานขึ้นของดาวโจนส์ในคืนวันศุกร์ -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.60 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องจับตาสัญญาณทิศทางเกี่ยวกับนโยบายของเฟด รวมถึงข้องมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจหนุนให้ค่าเงนดอลลาร์ฟื้นตัวต่อเนื่อง -ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.76% ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยนักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่ทยอยเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการของหลายบริษัทที่ออกมาเป็นบวก อาทิ แคทเทอร์พิลลาร์ และ 3เอ็ม ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา -ตลาดหุ้นโตเกียวเปิด +0.47% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการทะยานขึ้นของดาวโจนส์ในคืนวันศุกร์ หลังจากผลประกอบการบริษัทหลายแห่งออกมาสดใส -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.60 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องจับตาสัญญาณทิศทางเกี่ยวกับนโยบายของเฟด รวมถึงข้องมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจหนุนให้ค่าเงนดอลลาร์ฟื้นตัวต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย คาดว่า ดัชนี SET ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของเศรษฐกิจจีนและยูโรโซนที่ดีเกินคาด แต่ในสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลง โดยต้องระวังแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงก่อนการประชุมเฟด 28-29 ต.ค. 57 -รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย คาดว่า จะนำเสนอครม. อนุมัติโครงการพัฒนาและขยายท่าอากาศสุวรรณภูมิเฟส 2 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีกรอบวงเงินที่ระดับ 6.2-7.9 หมื่นล้านบาท -สศช. เชื่อว่าการเปิด AEC และการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น จะช่วยผลักดันให้จีดีพีไทยเติบโตได้ที่ระดับ 3.5-4.5% ในปี 2558 เนื่องจากจะส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นฟื้นตัวต่อเนื่องตามลำดับ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนวันศุกร์ - New Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 466 K ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 467K ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.0 % ตัวเลขคาดการณ์อยู่ระดับ 1.1 % ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ก่อน โดยมีแรงเทขายจาก SPDR ต่อเนื่อง ซึ่งวันศุกร์ขายออก 4.48 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 745.39 ตัน โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในเกณฑ์ผสมผสาน โดยส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้วไม่ค่อยดีนัก เพียงแต่ตลาดให้ความสนใจไปยังตลาดหุ้นที่มีการเปิดเผยผลประกอบการที่ออกมาดีขึ้นหลายบริษัท ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.2730 ยูโร/ดอลลาร์ สู่ระดับ 1.2700 ยูโร/ดอลลาร์ในเช้านี้ ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าจากระดับ 32.30 บาท/ดอลลาร์ สู่ระดับ 32.41 บาท/ดอลลาร์ สำหรับสัปดาห์นี้ต้องจับตาการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 28-29 ตุลาคมนี้ วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำในระยะสั้นเริ่มปรับตัวลดลง โดยมีสัญญาณการกลับตัว หลังจากไม่สามารถทดสอบแนวต้านด้านบนบริเวณ 1,250 เหรียญขึ้นไปได้ อย่างไรก็ดี การที่ราคาหลุดแนวรับ 1,235 เหรียญลงมา ทำให้ภาพรวมของราคาทองคำในระยะสั้นกลับสู่ภาวะขาลงอีกครั้ง วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อน 1,220-1,240 เหรียญ โดยหลักเป็นการเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาลง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เก็งกำไรตามการแกว่ง ซึ่งราคาทองคำมีแนวต้านสำคัญ 1,235 เหรียญ และแนวรับ 1,220 เหรียญ * อย่างไรก็ดี Gold Futures V14 จะหมดอายุลงในวันที่ 30 ต.ค. 57 จึงแนะนำให้นักลงทุนหันไปถือครองสถานะของ Gold Futures Z14 แทน - นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position ทำกำไรระยะสั้นตามการแกว่งของตลาด บริหารพอร์ตให้สมดุล กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ยังแนะนำให้ลงทุนตามกรอบแนวโน้มขาลงมากกว่า Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,060 บาท Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,920 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,120 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 1) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 29 ตุลาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา) 2. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และ Gold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ