สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 3, 2014 10:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,196 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,164เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.58 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,400 บาท กับ 18,500 บาท และกลับมาปิดที่ 18,050 บาท กับ 18,150 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,488 คู่สัญญาแบบ10 บาทอยู่ที่ 11,354 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 7.22% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 5.39% GFZ14 ปิด 18,150 บาท และ GFG14 ปิด 18,200 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,150 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,220 บาท สัญญา Comex ลดลง 27 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,171.6 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 0.58 ดอลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 80.54 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 741.20 ตัน (เท่าเดิม) ข่าวที่สำคัญ -สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ทองคำและโลหะเงินปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2010เพราะได้รับแรงกดดัน จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปรับตัวแข็งค่าที่สุดในรอบ 7 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน หลังบีโอเจมีมติเดินหน้ากระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม -ซึ่งถ้อยแถลงของบีโอเจ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ และหันกลับไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงในตลาดหุ้นและตลาดเงินแทน -นักวิเคราะห์จากคิทโก้ ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่สำคัญที่สุดก็คือ จุดสูงสุดจุดใหม่ของค่าเงินดอลลาร์และจุดต่ำสุดใหม่ของทองคำ ซึ่งมีโอกาสจะได้เห็นแรงเทขายจากเทรดเดอร์ เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา โดยที่ราคาทองคำอาจจะมีการฟื้นตัวกลับระยะสั้น และจะมีแนวรับอยู่ที่ 1,150 -1,160 เหรียญ ตามลำดับ -ประธานและผู้อำนวยการสถาบัน ซิก้า เวลธ์ เมเนจเม้น กล่าวว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังมีแนวโน้มจะแข็งค่าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและจากการดำเนินการของกลุ่มธนาคารกลางต่างๆ -สมาคมค้าทองคำจีน เปิดเผยว่า ปริมาณการบริโภคทองคำในจีนยังคงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 754.8 ตัน หรือคิดเป็น 21.4% เมื่อเทียบกับรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงอย่างหนักครั้งแรกในรอบ 9 เดือน -อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์หน้านักลงทุนควรจะจับตาไปที่การประชุมของ ECB และตัวเลข Non-Farm Employment Change -ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนสู่ระดับ 112.26 เยน/ดอลลาร์ และทำจุดสูงสุดแตะระดับ 112.96 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี (นับตั้งแต่ ธันวาคม 2007 ซึ่งเยนเคยทำจุดสูงสุดในรอบเดือนแตะระดับ 114.66 เยน) หลังจากบีโอเจประกาศเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อขยายเป้าหมายการเพิ่มฐานการเงินสู่ระดับ 80 ล้านล้านเยน/ปี รวมถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่นเพิ่ม 30 ล้านล้านเยน/ปี นอกจากนี้บีโอเจมีความต้องการจัดการกับแรงกดดันช่วงขาลงที่มีผลกับดัชนีราคาในประเทศ -อย่างไรก็ดี ผลสำรวจนักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ 32 คน คาดว่าแผนการดำเนินการของบีโอเจ อาจมีความเสี่ยงต่อให้บีโอเจไม่สามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายเงินเฟ้อที่ตั้งไว้ -ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.2500 ยูโร/ดอลลาร์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคมของยูโรโซนแสดงให้เห็นถึงภาวะซบเซา หลังจากยอดค้าปลีกเยอรมันปรับตัวลดลงสู่ระดับ -3.2% จากระดับ 1.5% ขณะที่ยอดใช้จ่ายผู้บริโภคฝรั่งเศสลดลงสู่ระดับ -0.8% จาก 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -นักวิเคราะห์จากสถาบัน โนมูระ กล่าวว่า การประชุมอีซีบีในสัปดาห์นี้ นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบีอาจกล่าวย้ำถึงสิ่งที่ฝ่ายปกครองของอีซีบีจะดำเนินการหากพิจารณาว่าการกระตุ้นทางเศรษฐกิจมีความสอดคล้องกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ -ขณะที่นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาร์ริบาร์ กล่าวว่า ความแตกต่างในการดำเนินนโยบายของเฟดและอีซีบ อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดต่างๆที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดภายในช่วงสิ้นปี 2014 -ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯช่วงท้ายเดือน ต.ค ขยับขึ้นแตะระดับ 86.9 จากระดับเดือนก.ย.ที่ 84.6 เนื่องจากการจ้างงานและราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นของชาวอเมริกัน ซึ่ง การขี้นค่าจ้าง และเชื้อเพลิงที่ราคาถูกลง รวมถึงการจ้างงานที่สูงขึ้นทำให้ภาคครัวเรือนของสหรัฐมีมุมมองที่เป็นบวก และคาดว่า จะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้สูงขึ้นในอนาคตได้ -ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคประเภทรายบุคคลของสหรัฐฯ (Personal Spending ) ปรับตัวลดลงกว่าที่คาดที่ระดับ -0.2% ที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่กำลังเจริญเติบโตได้ดียังคงมีอุปสรรคแบบค่อยป็นค่อยไป -ดัชนีภาคการผลิตของจีน (PMI) ประจำเดือนตุลาคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.8 จากระดับ 51.1 แสดงให้เห็นถึงภาวะการชะลอตัวของภาคการผลิตในจีน -สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นักรบชาวเคิร์ตของอิรัก เข้าร่วมต่อสู้กับกองกำลัง IS ในเมืองโคบานี โดยคาดหวังว่าการสนับสนุนการโจมตีกลุ่ม IS โดยมีสหรัฐฯเป็นผู้นำการโจมตีทางอากาศจะช่วยกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงออกจากพื้นที่บริเวณพรมแดนของซีเรียได้สำเร็จ -ในคืนวันศุกร์ดัชนีดาวโจนส์ ปิด +1.13% หลังจากบีโอเจ มีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในวันศุกร์ที่ผ่านมา -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องติดตามปัจจัยจากต่างประเทศ ซึ่งอาจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯได้แก่ภาคแรงงาน และภาคผลิตประจำเดือนตุลาคม รวมถึงการประชุมของอีซีบี และปัจจัยในประเทศได้แก่ การประชุม กนง. -นักวิเคราะห์ตลาดเงิน คาดการณ์ว่า กนง. จะยังคงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% ไปก่อนในการประชุมวันที่ 5 พ.ย.57 เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีทิศทางเปลี่ยนแปลงจากเดิม และคาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ภาคการส่งออกของไทย คาดว่าตลอดปีจะออกมาติดลบที่ระดับ 0.5% ดังนั้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในปัจจุบัน จึงยังมีความจำเป็นเพื่อช่วยประคับประคองการขยายตัวทางเศรษฐกิจ -ตลาดการเงินของญี่ปุ่น ปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันวัฒนธรรม (Culture Day) ซึ่งเป็นวันส่งเสริมให้คนรักอิสระเสรีภาพ และส่งเสริมวัฒนธรรม ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนวันศุกร์ -Core PCE Price Index m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 0.1% -Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.5% ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ -0.2% -Chicago PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 60.5 ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 66.2 -Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 86.4 ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 86.9 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 56.6 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 56.5 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในทิศทางขาลง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ ทำให้ราคาเริ่มเข้าไปทดสอบจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปี ที่ระดับ 1,163 เหรียญ โดยที่ปัจจัยหลักมาจากการที่เฟดยุติ QE และจากการประชุมที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเติบโตต่อเนื่อง และปัจจัยสำคัญต่อไปจะต้องดูเรื่องของนโยบายภาครัฐต่างๆที่จะออกมา จะเห็นได้ว่า บีโอเจ และอีซีบี พยายามใช้มาตรการอัดฉีด QE ตามสหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่ค่อยส่งผลกระทบใดๆต่อราคาทองคำนัก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เองยังคงปรับตัวในทิศทางแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบปี โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) จากระดับประมาณ 85.00 ปรับขึ้นมาเช้านี้อยู่ที่ระดับ 87.30 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าอีกครั้งจาก 1.2639 ยูโร/ดอลลาร์ เช้านี้อยู่ที่ระดับประมาณ1.2476 ยูโร/ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ในทิศทางขาขึ้นจึงมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องในตลาดทองคำ ขณะที่ SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 741.20 ตัน ซึ่งยังคงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปี ที่ระดับ 1,163 เหรียญ และในเชิงเทคนิคทำให้ยังคงการปรับตัวในทิศทางขาลงเป็นแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่องทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,180 เหรียญลงมา ที่เป็น Lower Bottom ในระยะยาว ทั้งนี้ Oscillator ในระยะยาวยังอยู่ในสถานะยืนยันถึงสภาวะขาลง ภาพรวมจึงยังคงมองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยที่แนวรับแรกอยู่ที่ 1,160 แนวรับถัดไป 1,150 เหรียญ แนวต้านจะอยู่บริเวณ 1,180 เหรียญ ขณะที่เงินบาทเองยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยที่เงินบาทอ่อนค่าจากระดับ 32.35 บาท/ดอลลาร์ จาก2 อาทิตย์ก่อน เช้านี้มายืนอยู่ที่ระดับประมาณ 32.63 บาท/ดอลลาร์ ในขณะนี้เรียกว่าเป็นการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทำให้ภาพรวมราคาทองคำในรูปของเงินบาทเองปรับตัวลดลงไม่มากนัก มิฉะนั้นราคาคงหลุดระดับ 18,000 บาท/บาททองคำไปนานแล้ว จะเห็นได้ว่าค่าเงินบาทในช่วงต้นปีอยู่ที่บริเวณประมาณ 30.00 บาท/ดอลลาร์ และมีการแกว่งของเงินบาทในทิศทางขาขึ้น กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ทั้งในระยะสั้นและยาวเป็นกลยุทธ์แนวโน้มขาลง และให้คงสถานะ Short Position มากกว่า Long Position - นักลงทุนที่ถือ Long Position ควรหาจังหวะในการทำ Stop Loss หรือลด Portfolio ลง - นักลงทุนที่ถือ Short Position หาจังหวะเปิดสถานะ Short Position เพิ่ม เนื่องจากภาพหลักยังเป็นขาลง กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading เน้นกลยุทธ์การลงทุนในทิศทางแนวโน้มขาลง โดยเปิดสถานะ Short Position เพิ่ม Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,250 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,350 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. พบบูธ MTS Gold ภายในงาน “มหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 9” (Money Expo Chiangmai 2014) ในวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10.00-20.00น. ณ เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.เชียงใหม่ สอบถามรายละเอียด MTS Gold Futures สาขาเชียงใหม่ 053-232-703 2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 2) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา). 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ