สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 4, 2014 09:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,168 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,170เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.68 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,000 บาท กับ 18,100บาท และกลับมาปิดที่ 18,000บาท กับ 18,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 857 คู่สัญญาแบบ10 บาทอยู่ที่ 6,799 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.95% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 4.39% GFZ14 ปิด 18,240 บาท และ GFG14 ปิด 18,300 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,230 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,290 บาท สัญญา Comex ลดลง 1.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,169.8 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 1.76 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 78.78 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 741.21 ตัน (ซื้อเพิ่ม 0.01 ตัน) ข่าวที่สำคัญ -ทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง หลังมีกระแสคาดการณ์ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ ทำให้เฟดมีแนวโน้มจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด -นักวิเคราะห์ ระบุว่า แนวโน้มราคาทองคำในปีนี้จนถึงช่วงต้นปีหน้า จะยังคงได้รับแรงกดดันในทิศทางขาลง จากการแข็งค่าของดอลลาร์ที่ขานรับกับกระแสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยมีโอกาสจะส่งผลให้เกิดการ Reverse Dollar Carry Trade เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้การกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น และกลุ่มนักลงทุนที่กู้ดอลลาร์มาลงทุนจะเริ่มทยอยชำระคืนเงินกู้ -เมื่อวานนี้ SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.01 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 741.21 ตัน -นักวิเคราะห์จากคิทโก กล่าวว่า ในเชิงเทคนิคยังคงเห็นภาพหลักของราคาทองคำเป็นทิศทางขาลง หลังจากไม่สามารถกลับมายืนเหนือบริเวณ 1,183 เหรียญได้อย่างแข็งแกร่ง จึงคาดว่าในวันนี้ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,155 – 1,175 เหรียญ -ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2489 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2527 ยูโร/ดอลลาร์ จากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ จึงสนับสนุนให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อีซีบีและบีโอเจดำเนินมาตรการการเงินเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ -อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 113.78 เยน จากระดับ 112.29 เยน -สถาบัน ISM เผยว่า ดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 59 จากเดิม 56.6 ในเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ -ขณะที่ผลสำรวจจากสถาบันมาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน -หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมาร์กิต กล่าวว่า ดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของสหรัฐฯยังคงมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่เป็นการฟื้นตัวที่ชะลอความแรงลงในช่วงเริ่มต้นไตรมาสที่ 4 เพราะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ด้านการส่งออกที่เปราะบางของยูโรโซนและตลาดเกิดใหม่ แต่จะเห็นได้ว่าภาวะการจ้างงานในภาคการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4/2014 -ทางด้าน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของยูโรโซน ปรับตัวขึ้น 50.6 จากเดิมที่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน 50.3 ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังอยู่ในภาวะชะงักงัน เนื่องจากอุปสงค์ด้านการผลิตยังคงอ่อนแอและขัดขวางการขยายตัวของภาคการผลิตและการจ้างงานในภูมิภาค -ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 1.76 ดอลลาร์ เพราะได้รับแรงกดดันจากมีรายงานระบุว่า การปิโตรเลียมของซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ทำการส่งออกให้กับสหรัฐฯ -ธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ยืดเยื้ออาจทำลายเสถียรภาพทางการเงินของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกได้ -นักวิเคราะห์ระบุว่า ในวันนี้จะมีผู้มาลงคะแนนเสียงไม่มากนัก สำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ โดยเป็นการชิงที่นั่งในสภาคองเกรสให้ได้มากสุด ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเดโมแครต และพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกัน -อย่างไรก็ดี มีกระแสคาดการณ์ว่า พรรครีพับลิกันมีโอกาสจะได้ที่นั่งเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่าการบริหารของโอมาสทำให้ประเทศเดินหน้าผิดทาง -ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -0.14% เพราะได้รับแรงกดดันจากการ่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจากซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันดิบให้กับสหรัฐฯ -เช้านี้ดัชนีนิกเกอิ เปิด +4.05% (665.12 จุด) แตะ 17,078.88 จุด โดยเป็นการทำสถิติพุ่งขึ้นเหนือระดับ 17,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2007 เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นสู่กรอบบน 113 เยน หลังบีโอเจผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทในวันนี้ระหว่าง 32.55 – 32.75 บาท/ดอลลาร์ ยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ และการประชุมกนง. -สศค. ระบุว่า กรณีบีโอเจมีมติผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม จะส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนมากขึ้น และมีโอกาสจะได้เห็นภาวะ Carry Trade ในสหรัฐฯ และออสเตรเลียได้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน -ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 56.6 ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 59 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ -Factory Orders ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -10.1% ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ -0.4% -Trade Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -40.1B ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ -40.0B ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบแคบบริเวณล่างระหว่าง 1,165-1,170 เหรียญ ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 32.75 บาท/ดอลลาร์ และเมื่อวานนี้ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มเล็กน้อย 0.01 ตัน สู่ระดับ 741.21 ตัน สำหรับคืนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ Trade Balance และ Factory Orders คาดว่าจะดีขึ้น วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในเชิงเทคนิคดูราคาทองคำดูจะเป็นการสะสมพลัง ในระยะกลางกับยาวเป็นแนวโน้มขาลง วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,150 – 1,175 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังคงแนะนำให้ลงทุนในแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง หาจังหวะเปิดสถานะ Short Position และทยอยปิดหรือลดสถานะ Long Position โดยต้องหาจังหวะปิดความเสี่ยงของราคาขึ้นลงให้ดี - นักลงทุนที่ถือ Long Position หาจังหวะทยอยปิดหรือลดสถานะลง - นักลงทุนที่ถือ Short Position หาจังหวะเปิดสถานะ เก็งกำไรเป็นช่วงๆ หาจังหวะเปิด Short Position บริเวณแนวต้าน กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading เก็งกำไรในแนวโน้มขาลง เนื่องจากภาพหลักของทองคำทั้งระยะกลางและระยะยาวยังคงเป็นแนวโน้มขาลง Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,140 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,340 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,400 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. พบบูธ MTS Gold ภายในงาน “มหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 9” (Money Expo Chiangmai 2014) ในวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10.00-20.00น. ณ เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.เชียงใหม่ สอบถามรายละเอียด MTS Gold Futures สาขาเชียงใหม่ 053-232-703 2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 2) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา). 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ