JSP เคาะราคา IPO 2.60 บาท เปิดจอง 10-12 พ.ย.นี้ พร้อมเข้าเทรดเอ็มเอไอ 19 พ.ย. มั่นใจไม่ทำให้นลท.ผิดหวัง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 10, 2014 09:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ. เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ ผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบและที่อยู่อาศัย เผยราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,200 ล้านห้น ราคาหุ้นละ 2.60 บาท พร้อมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 10 -12 พ.ย.นี้ ก่อนเดินหน้าเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 19 พ.ย. โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น และผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 7 แห่ง พร้อมมั่นใจจะได้รับการตอบที่ดีจากนักลงทุน ด้วยปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบและที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท โดยกำหนดจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 10 -12 พฤศจิกายน 2557 นี้ และกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “JSP” ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เพื่อทำหน้าที่เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 7 แห่ง ประกอบไปด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ,บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำไปซื้อที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต โดยเน้นไปที่แถบชานเมืองและปริมณฑล ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนการขยายธุรกิจในปีหน้าว่า จะมีการเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ โดยยังคงเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แนวราบ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการอาคารพาณิชย์ และพื้นที่ให้เช่าภายใต้ชื่อโครงการสำเพ็ง 2 มูลค่า 7,500 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยแบบผสมผสานทิวลิป สแควร์ ซึ่งประกอบไปด้วยช็อปปิ้งมอลล์ คอนโดมีเนียม และอาคารพาณิชย์ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท และโครงการที่พักอาศัยไมอามี่ บางปู วิลล่าคอนโดหรูติดทะเล ซึ่งถือเป็นที่พักอาศัย แหล่งท่องเที่ยว ช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดย่านบางปู มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้ถึง 2,081.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 432.57 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 1 และ เฟส 2 อย่างต่อเนื่อง และยังมียอดจองและทำสัญญาซึ่งรอรับรู้รายได้อีกประมาณ 7,000 ล้านบาท นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า การกำหนดราคาขายหุ้น JSP ที่ระดับ 2.60บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่ง JSP เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการเดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนที่หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และกรุงเทพ มีนักลงทุนสนใจเข้ามาร่วมรับฟังข้อมูลรวมกันกว่า 1,200 คน ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดีมาก จึงทำให้มั่นใจว่าหุ้น JSP จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เมื่อเปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายนนี้นี้ และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ และไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน นายไพฑูรย์ ธำรงกิตติคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดกาการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า มั่นใจว่าหุ้น IPO ของ JSP จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบและที่อยู่อาศัย นอกจากนั้นเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนที่จะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียนนั้น จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับถือลงทุนเพื่อหวังผลในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ