กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายนิรันดร เอื้องตระกูลสุข หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับกลาง รุ่นที่ 68 ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสถาบันเกษตราธิการ ได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมและพัฒนาหลักสูตร “นักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับกลาง” อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนานักบริหารระดับกลางให้มีภาวะผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ ทักษะและสมรรถนะในด้านการบริหารอย่างถูกต้องเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีความพร้อมสำหรับการก้าวสู่ผู้บริหารระดับนโยบาย และสามารถขับเคลื่อนนโยบาย ยุทธศาสตร์ สร้างหรือนำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.สามารถถ่ายทอดนโยบายจากระดับสูงไปสู่ระดับปฏิบัติในหน่วยงานที่รับผิดชอบได้อย่างถูกต้อง 2.ได้รับความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาแนวคิดและวิสัยทัศน์ที่จะสามารถเป็นผู้นำบริหารการเปลี่ยนแปลงและบริหารงานได้อย่างมืออาชีพ 3.เพิ่มพูนทักษะในการสร้างแรงจูงใจและพัฒนาประสิทธิภาพของทีมงานและองค์การได้อย่างเป็นรูปธรรม 4.เข้าใจกระบวนการสร้างเครือข่ายและระบบพันธมิตร เพื่อเพิ่มพลังการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และ 5.มีพฤติกรรมที่สะท้อนคุณธรรมและจริยธรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หลักสูตรนักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ระดับกลาง รุ่นที่ 68 ดำเนินการระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2557 โดยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันเกษตราธิการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นบุคลากรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 ช่วง คือ การปฐมนิเทศและกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อเป็นการพัฒนากระบวนการคิดและสร้างทีม การบรรยายวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และการปัจฉิมนิเทศ และการศึกษาดูงานในส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ของหลักสูตรในรูปของการแบ่งกิจกรรมเพื่อให้เกิดความหลากหลายทางความคิด ทันกับสถานการณ์ในยุคการบริหารราชการแนวใหม่ที่เน้นการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี มีทักษะความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และเกิดการสร้างเครือข่ายการทำงาน ซึ่งจะส่งผลให้มีการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
นายนิรันดร กล่าวอีกว่า การฝึกอบรมดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมในการนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปปรับใช้ในการปฏิบัติราชการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะส่งผลต่อการประสานการปฏิบัติราชการในแนวบูรณาการระหว่างหน่วยงาน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างสมรรถนะในการเป็นผู้นำหรือผู้ตามที่ดี เป็นแบบอย่างต่อผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วย