สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 15, 2014 10:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,225 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,218เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.76 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,950 บาท กับ 19,050 บาท และกลับมาปิดที่ 18,950 บาท กับ 19,050 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 564 คู่สัญญา แบบ 10 บาทอยู่ที่ 3997 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 3.14 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 0.72% GFZ14 ปิด 19,050 บาท และ GFG14 ปิด 19,130 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,050 บาท GF10G14 ปิดที่ 19,130 บาท สัญญา Comex ลดลง 3.1 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,222.5 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 2.14 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 57.81 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำอยู่ที่ระดับ 725.75 ตัน ( คงทองเท่าเดิม) ข่าวที่สำคัญ -ในคืนวันศุกร์ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการเทขายทองคำบางส่วนของนักลงทุน หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาในแนวโน้มเชิงบวก รวมถึงเป็นการเทขาก่อนจะเริ่มต้นการประชุมเฟด และการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบที่ถ่วงความต้องการถือครองทองคำเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ -อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงทรงตัวได้เหนือระดับ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ -นักวิเคราะห์จาก MKS ระบุว่า แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงและปริมาณความต้องการทองคำยังคงเบาบาง แต่ก็ไม่อาจกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,215 เหรียญได้ ซึ่งหากมีแรงเข้าซื้ออย่างหนาแน่นในตลาดทองคำสัปดาห์นี้ ก็จะช่วยดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นต่อได้ และเป้าหมายถัดไปของทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,239.6 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้น Fibonacci Retracement 50% ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ทองคำพยายามทดสอบถึง 2 ครั้งแต่ก็ยังไม่อาจผ่านไปได้ -เทรดเดอร์ เฝ้าระวังการซื้อขายของราคาทองคำ เพราะอาจเกิดความผันผวนได้จากการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ -ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2451 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2383 ยูโร/ดอลลาร์ จากแรงเทขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การประชุมเฟด 16-17 ธ.ค.นี้ และเช้านี้ยังคงอ่อนค่าสู่ระดับ 1.2460 ยูโร/ดอลลาร์ -ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 118.75 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 119.09 เยน/ดอลลาร์ และเช้านี้ยังคงแข็งค่าที่ระดับ 118.48 เยน/ดอลลาร์ -นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ระบุว่า การปรับตัวลดลงของน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เฟดพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงอาจสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ -อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงคาดหวังว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 8 ปี -ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครึ่ง ซึ่งน้ำมันดิบ WTI ปิด -3.6% ที่ระดับ 57.81 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2009 โดยตลอดสัปดาห์ราคาปรับตัวลดลง 12.2% และตลอดปีนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแล้วกว่า 41% -นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการโอเปค ระบุว่า การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบเป็นเรื่องที่ตลาดไม่สามารถควบคุมได้ -นักวิเคราะห์ ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 40% และยิ่งมีแรงเทขายมากขึ้นหลังกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิต ซึ่งการปรับตัวลดลงอย่างหนักอาจแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำในเวลานี้อาจปรับตัวลดลงอีก และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นต้องเผชิญความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น -ขณะที่ EIA ปรับลดแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในปี 2015 ลงอีก 230,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 900,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากการบริโภคเชื้อเพลิงในรัสเซีย จีนและประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอื่นๆ ยังคงอยู่ในแนวโน้มที่จะปรับตัวลง -ธนาคารกลางจีน คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2015 อาจชะลอตัวลงสู่ระดับ 7.1% จากระดับ 7.4% ในปี 2014 หลังภาคอสังหาริมทรัพย์จีนอ่อนแรงลง -บีโอเจ เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศประจำไตรมาสที่ 4/2014 พบว่า ดัชนีปรับตัวลดลงสู่ระดับ +12 จากระดับ +13 ในไตรมาสก่อนหน้า เพราะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง -เมื่อวานนี้ พรรค LDP ของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป และได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรตามคาดการณ์ -นักวิเคราะห์ ระบุว่า การได้รับชัยชนะดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลสามารถเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการดำเนินนโยบายการคลังในการฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขณะนี้ได้ -สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงในการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณด้วยวงเงิน 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ของรัฐบาลในปี 2015 -ออสเตรเลียกำลังกลับเข้าหารือในการเพิ่มกำลังในการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศร่วมกับสหรัฐฯ ในการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายIS ในซีเรียและอิรัก -ในคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงปิดตลาดในแดนลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.79% ส่งผลให้ตลอดสัปดาห์ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 ปี -นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนปิด -2.49% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง -2.6% และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มพลังงานในยุโรปปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 -เช้านี้ ตลาดหุ้นโตเกียวเปิด -1.86% เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นหลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 300 จุดในคืนวันศุกร์ -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.10 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งแรงเทขายเงินดอลลาร์เพื่อทำกำไรหรือปรับ Position ในช่วงสิ้นปีของนักลงทุนจะส่งผลให้ค่าเงินบาทและค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเริ่มกลับมาแข็งค่า ขณะที่การประชุมเฟดในสัปดาห์นี้อาจหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาฟื้นตัวได้หลังถูกแรงเทขายในสัปดาห์ที่ผ่านมา -ในวันนี้ (15 ธ.ค.) กพช. จะพิจารณาการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน หลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบโลกร่วงหนักกว่า 41% ขณะที่กองทุนน้ำมันขณะนี้บวกอยู่ 10,169 ล้านบาท จึงทำให้น้ำมันทุกประเภทต่ำกว่า 30 บาท ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนวันศุกร์ - PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.2% ตัวเลขจริงลดลงอยู่ที่ระดับ -0.2% - Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.4% ตัวเลขจริงลดลงอยู่ที่ระดับ 0.0% - Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 88.8 ตัวเลขจริงเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 93.8 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 10.2 คาดการณ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 12.1 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำยังคงมีการแกว่งตัวอยู่ในระดับสูงเหนือ 1,220 เหรียญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ราคาทองคำดูไม่ค่อยตอบสนองต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วงคืนวันศุกร์เท่าไหร่นัก ขณะที่คืนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Empire State Manufacturing Index ที่คาดว่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ดีค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินเยนที่ระดับ 1.2453 ยูโร/ดอลลาร์ และ 118.72 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวในระดับแข็งค่าขึ้น หลังจากมีกระแสคาดว่า กนง.จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 2% สู่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.นี้ วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ในระยะสั้น โดยเป็นลักษณะของการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้น ในขณะที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำเช้านี้ หลุด 1,220 เหรียญลงมา และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ระดับ 1,215 เหรียญ ขณะที่ทองคำไม่สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 1,238 เหรียญได้ ดังนั้นในทางเทคนิควิเคราะห์ได้ว่า โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงยังมีอยู่ หากว่าถ้าวันนี้ราคาไม่สามารถดีดกลับไปยืน 1,220 เหรียญได้ สำหรับวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,225 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เก็งกำไรในระยะสั้น เข้าออกเร็ว และยังยึดหลักการลงทุนในแนวโน้มขาลงในระยะยาวมากกว่า - นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position ทำกำไรระยะสั้น เข้าออกเร็ว บริหารพอร์ตให้สมดุล กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ยึดหลักการลงทุนในแนวโน้มขาลงในระยะยาวมากกว่า Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,930 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,130 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,010 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,210 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 3) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา) 2. MTS นำเสนอโปรแกรมการเทรด TFEX อัจฉริยะรูปแบบใหม่ Meta Trader 4 ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว มีกลยุทธ์พร้อมใช้งานแบบ Real Time และรองรับ Smart Phone ทั้ง Android และ iOS สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ