กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--กระทรวงลังงาน
ส่งผลภาคเอกชนตื่นตัวลงทุนเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อเนื่องร่วม 5,350 ล้านบาท จากเงินกองทุนเพียง 895 ล้านบาท พบผลประหยัดพลังงานทะลุ1,026ล้านบาทแถมลดความต้องการใช้ไฟฟ้า63.4เมกะวัตต์
นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (ESCO Revolving Fund) ซึ่งกรม พพ. เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนหลักได้ส่งเสริมการลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานและด้านพลังงานทดแทน ผ่านกลไกการให้เงินหมุนเวียน ESCO Revolving Fund โดยมีผู้จัดการกองทุนจำนวน 2 ราย ทำหน้าที่บริหารการลงทุน ได้แก่ มูลนิธิอนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย และมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันดำเนินการในระยะที่ 3 (ก.ค. 2557) พบว่า มีโครงการที่อนุมัติแล้วทั้งสิ้น 126 โครงการ มีเงินลงทุนต่อเนื่องจากภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ 5,350 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนร่วมจาก ESCO Fund 895 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงานสูงถึง 1,026 ล้านบาท ลดความต้องการใช้ไฟฟ้า 63.4 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.25 ล้านตันต่อปี
? ทั้งนี้ โครงการ ESCO Fund ดังกล่าว ถือเป็นกลไกที่จะช่วยสนับสนุนให้แก่ภาคเอกชนลงทุนในโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพทางเทคนิค แต่ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนหรือสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ได้เพียงพอรวมทั้งเพื่อส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่มีการอาศัยกลไกบริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company) ซึ่งเป็นธุรกิจการให้บริการด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนแบบครบวงจรที่มีการรับประกันผลการประหยัดพลังงาน
สำหรับรูปแบบ การสนับสนุนการลงทุนแก่ผู้ประกอบการ หรือผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการฯ ที่สำคัญ ได้แก่ การให้เช่าซื้ออุปกรณ์ (Equipment Leasing) ประหยัดพลังงานหรือพลังงงานทดแทน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ต่อปี ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์ให้ก่อนและผู้ประกอบการผ่อนชำระคืนในเวลาที่กำหนด(ไม่เกิน 5 ปี) การเข้าร่วมทุน (Equity Investment) ในโครงการ ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 50 ของเงินลงทุนทั้งหมดในโครงการ ไม่เกินโครงการละ 50 ล้านบาท ระยะเวลาร่วมลงทุน 5 -7 ปี หลังจากนั้น จะขายหุ้นส่วนที่รวมลงทุนในราคาพาร์บวกด้วยผลตอบแทนตามที่ตกลงกันคือให้แก่เจ้าของหรือนักลงทุนอื่นที่สนใจ