คอมเซเว่นฯ โชว์แผนปี 58ทุ่มงบกว่า 400 ลบ.ทำตลาด ขยายสาขา เชื่อรักษาแชมป์ยอดขาย Apple อันดับ 1 ต่อ พร้อมเดินหน้าเข้าSET

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 18, 2014 11:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--IR PLUS คอมเซเว่นฯ กางแผนงานปี 2558 โชว์กลยุทธ์ขยายสาขา ปรับปรุงสาขา และการตลาด ทุ่มงบลงทุนกว่า400 ล้านบาท เพื่อรักษาแชมป์ยอดขายสินค้าแบรนด์ Apple อันดับ1 ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สุระ คณิตทวีกุล” ประธานกรรมการบริหาร เผยมีแผนขยายสาขาปีหน้า 40 สาขาภายใต้แบรนด์ BaNANA IT, BaNANA Mobile , iStudio, iBeat, uStore by Comseven และปรับปรุงสาขาเพื่อสร้างรูปโฉมใหม่อีก 10 สาขา รองรับสินค้าไฮเทคที่กำลังออกสู่ตลาด รวมลงทุน300 ล้านบาท และ งบทางการตลาดอีก 150 ล้านบาท เชื่อผลักดันยอดขายโต 10% จากปี 57 ที่คาดจะมียอดขาย 1.4 หมื่นล้านบาท วางสินค้าประเภท Wearable Device & Accessories Gadget เป็นกลุ่มที่ช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มในปีหน้าด้วย ส่วนไอโฟน 6 เปิดตัว 31 ต.ค. 2557 ยอดขายทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่า ไอโฟน 5sถึง 3 เท่า ขณะที่แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเดินหน้าหวังเข้าซื้อขายใน H2/2558 นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าและการค้าส่งสินค้าไอทีรวมทั้งธุรกิจการค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศไทยในนาม BaNANA IT, BaNANA Mobile , iStudio, iBeat, uStore By Comseven โดยกลุ่มสินค้าที่บริษัทฯ ทำการจัดจำหน่าย ได้แก่ กลุ่มสินค้า Apple สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน๊ตบุ้ค คอมโพเนนท์ (DIY) คอมพิวเตอร์ประกอบ แล็ปท็อป อุปกรณ์เน็ตเวิร์ค และ แอสเซสซอรี่ เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจปี 2558 ว่า บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนรวมประมาณ450 ล้านบาท โดยจะใช้สำหรับขยายสาขาใหม่จำนวน 40 สาขา ได้แก่ BaNANA IT 20 สาขา, BaNANA Mobile 5 สาขา, iStudio และiBeat By Comseven 10 สาขา และ Samsung Shop 5 สาขา ใช้งบลงทุนประมาณ200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น Flagship Store ขนาดใหญ่ ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ จำนวน 2 สาขา คือ BaNANA IT และ iStudio By Comseven เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม คาดว่า 2 สาขาดังกล่าวจะเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2558 นี้ ขณะเดียวกันมีแผนปรับปรุงสาขา iStudio จำนวน 10 สาขา ใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทโดยเน้นความมีเอกลักษณ์ รูปแบบโดดเด่น ให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อรองรับสินค้าเทคโนโลยีไฮเทคระดับสูงที่ Apple คาดว่ามีการจำหน่ายในปี 2558 อาทิ อุปกรณ์ไอทีประเภทสวมใส่ Wearable Device ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน อย่างการเก็บข้อมูลออกกำลังกาย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคสินค้าไอทีให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพด้วย นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการทำการตลาด โดยวางงบลงทุนไว้จำนวน 150 ล้านบาท สำหรับทำการตลาดแบบรอบด้าน ทั้งการทำการประชาสัมพันธ์ผู้บริโภคโดยตรงและการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เนื่องจากพื้นที่ร้านค้าของ Com7 มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากที่สุดจำนวน 300 สาขา และหลายแห่งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จึงเป็นโอกาสให้ Com7 เจาะตลาดกลุ่มลูกค้า SME ที่ต้องการความสะดวกสบาย พร้อมทั้ง รุกตลาด e-commerce เพิ่มเติม จากการเก็บข้อมูลลูกค้าที่ใช้บริการหน้าร้านของ Com 7 กว่า 1 ล้านคน พบว่ามีจำนวนมากที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าผ่าน e-commerce และทิศทางตลาดมีความต้องการซื้อมายังช่องทางนี้จำนวนมาก ซึ่ง Com7 ได้เตรียมการเรื่องนี้มากว่า 1 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในการรุกตลาดดังกล่าวภายในไตรมาส 2/2558 พร้อมตั้งเป้าหมายจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ และรายได้โดยรวมที่ดีในอนาคต “ปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตร้อยละ 10 จากปี 2557 ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 1.4หมื่นล้านบาท เติบโตเล็กน้อยจากปี 2556 เนื่องจากปี 2557 นี้ เป็นปีที่อุตสาหกรรมไอทีซบเซา แต่ถือว่า Com7ยังสามารถเติบโตได้ดีมาก และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2558จากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ทั้งกลุ่ม SME และ e-commerce ประกอบกับสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นเทคโนโลยีระดับสูงจะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง อาทิ สินค้าประเภท Wearable Device & Accessories Gadget ผลักดันกำไรขั้นต้นในปีหน้าให้เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งกระแสไอโฟน 6 ที่เปิดตัวไปเมื่อ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำลายสถิติจากการได้รับการตอบรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมากกว่าไอโฟน 5s ถึง 3 เท่า และยังคงมีความต้องการสูงต่อเนื่องไปยังปีหน้า เพราะปริมาณสินค้ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการซื้อ ดังนั้น ในปี 2558 นับเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมไอที และคาดว่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ Com7 เช่นกัน ทำให้สามารถครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ด้านยอดขายของตัวแทนการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ในประเทศไทยและในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างต่อเนื่อง” นายสุระ กล่าว ปัจจุบัน คอมเซเว่นฯ จำหน่ายสินค้าไอทีภายใต้แบรนด์ BaNANA IT, BaNANA Mobile, iStudio , iBeat และ uStore by Comseven โดยสัดส่วนรายได้ในปี 2557 อันดับ 1 คือ โน๊ตบุ้ค อันดับ 2 แท็บเล็ต และอันดับ 3 สมาร์ทโฟน ตามลำดับ ซึ่งมีสาขาครอบคลุม 57 จังหวัด จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และสามารถเปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 67 สาขาตามเป้าหมายที่วางไว้ สนับสนุนให้ในปี 2557 บริษัทฯ จะมีสาขารวมกันอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 300 สาขา และยังครองส่วนแบ่งในต่างจังหวัดสูงสุดราว 90% ของยอดขายสินค้า Appleในต่างจังหวัดทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การเติบโตเพิ่มเติมโดยศึกษารูปแบบการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม ประกอบด้วย พม่า ลาว กัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดสาขาในประเทศพม่าในรูปแบบแฟรนไชส์ภายใต้แบรนด์บานาน่าไอทีแล้ว 1 สาขา แต่อย่างไรก็ตามปี 2558 บริษัทฯ เน้นการทำการตลาดภายในประเทศเป็นหลักส่วนการขยายตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนนั้นยังคงรอโอกาสที่เหมาะสมจึงจะลงทุนเพิ่ม ด้านความคืบหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสุระ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเรียบร้อยแล้ว โดยมีแผนจะยื่นแบบคำขอในการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ (ไฟลิ่ง) ภายในเดือนมกราคม และคาดว่าจะเข้าซื้อขายใน SET ได้ภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ