กรุงเทพฯ--30 ธ.ค.--กระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2557 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมจัดกิจกรรมส่งความสุขเป็นของขวัญปีใหม่ 2558 แก่ประชาชน โดยใช้มิติศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดบรรยากาศ ที่เรียบง่าย สงบสุข ร่มเย็น เป็นกุศล อนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมไทย ประหยัดและปลอดจากอบายมุขตามนโยบายของรัฐบาล และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้เห็นชอบดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน
รมว.วธ. กล่าวต่อว่า กิจกรรมที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้น มีจำนวน 9 กิจกรรม ได้แก่ ฤกษ์ดี ปีใหม่ไหว้พระพระปฏิมา โดยเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 44 แห่งทั่วประเทศ โดยอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ของชาติมาประดิษฐานให้ประชาชนเข้ากราบสักการะบูชา อาทิ พระพุทธรูปปางประทานพร พระพุทธรูปปางมารวิชัย และพระพุทธสิหิงค์ ไหว้พระ 9 วัด สืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล (วัดประจำรัชกาลที่ 1-9 ) เพื่อเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ สวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย – ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ เพื่อสวดมนต์และสวดอำนวยพรให้บิดามารดา เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง พร้อมแจกคู่มือสวดมนต์ข้ามปีให้แก่พุทธศาสนิกชนผู้ร่วมกิจกรรม กิจกรรมปั่นจักรยานไหว้พระรับฤดูหนาว รวมพลังบวร บ้านวัดโรงเรียนส่งเสริมชุมชนคุณธรรม และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
การเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ และแหล่งโบราณสถานต่างๆ ทั่วประเทศ ให้ประชาชนเข้าชมฟรี การแสดงหุ่นไทยสันทนาการสัญจร 4 ภาคโดยศิลปะการแสดงหุ่น อาทิ หุ่นสาย หุ่นกระบอก หนังตะลุง หนังใหญ่ หุ่นร่วมสมัย ไปจัดแสดงตามจังหวัดต่างๆ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยสู่ใจประชาชนในงานมหกรรมการแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้าน เพื่อสร้างความสุขและความสามัคคีปรองดองให้แก่คนในชาติ อวยพรปีใหม่ผ่านระบบออนไลน์ (ส.ค.ส.ออนไลน์) โดยคัดเลือกภาพถ่ายของศิลปินอาเซียน ซึ่งเป็นภาพถ่ายวิถีชีวิตของประเทศสมาชิกอาเซียน และภาพถ่ายวิถีชีวิตวัฒนธรรมทางภาคใต้ที่สื่อถึงค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ และจัดทำเป็น ส.ค.ส. ส่งความสุขตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 – 15 มกราคม 2558
รวมถึง โครงการปีใหม่ไทย ใช้ของไทย โดยกิจกรรมรณรงค์การมอบของขวัญปีใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ไทยทั่วถิ่น จะได้มีอยู่มีกิน ทั่วแดนดินสุขร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยใช้ของไทย กินของของไทย อันจะเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งปลูกฝังความเป็นไทยให้อยู่ในจิตสำนึกของคนไทย
ด้านศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า โครงการ“ปีใหม่ไทย ใช้ของไทย” ดำเนินการเพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยใช้สินค้าทางวัฒนธรรมเป็นของขวัญปีใหม่ สร้างงานและสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการผลิตสินค้าทางวัฒนธรรมอันจะเป็นการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสร้างจิตสาธารณะและค่านิยมไทยในการใช้สินค้าทางวัฒนธรรมเป็นของขวัญปีใหม่
ที่สำคัญ กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินโครงการของดีบ้านฉัน และโครงการมหกรรมภูมิปัญญาวัฒนธรรม (Cultural Product of Thailand : CPOT) นำสินค้าที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาพัฒนาต่อยอด ซึ่งต่างจาก OTOPตรงที่เป็นสินค้าแฝงด้วยเนื้อหาและเรื่องราวทางวัฒนธรรม มีเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่าของแต่ละท้องถิ่น โดยได้จัดทำกระเช้าสินค้าไทยต้นแบบ จำนวน 10 รูปแบบ คือ กระเช้าโครงการหลวง ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง เช่น ดอยคำ ดอยตุง และร้านภูฟ้า กระเช้าขนมไทย เป็นขนมไทยมงคลที่นำพามาซึ่งความดีงาม ตามชื่อที่ไพเราะและเป็นมงคลของขนม กระเช้าผักพืชผักที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยที่เป็นสินค้าคุณภาพจากธรรมชาติ ปลอดสารพิษ
กระเช้าผลไม้ ผลไม้ที่ปลูกโดยเกษตรกรไทย ถือเป็นการมอบสุขภาพที่ดีให้แก่กัน เป็นการแสดงถึงความรักและความห่วงใย กระเช้าสมุนไพรไทย เป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ ความแข็งแรงของร่างกาย และลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ กระเช้าดอกไม้ไทย อาทิ ดอกกล้วยไม้ ดอกชงโค และดอกมะลิ ถือเป็นสื่อถึงความรักและความปรารถนาของผู้ให้และผู้รับกระเช้าต้นไม้ เป็นต้นไม้มงคล เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต กระเช้าผ้าไทย ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนทั่วประเทศ ที่มีรูปแบบและลวดลายบ่งบอกถึงเอกลักษณ์มีความงดงามแก่ผู้สวมใส่ กระเช้าเซรามิคไทย อาทิ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเบญจรงค์ เป็นภาชนะเครื่องใช้ที่เป็นประโยชน์และมีสวยงาม และ กระเช้าหนังสือ เป็นสิ่งที่เสริมสร้างสติปัญญา และเพิ่มพูนความรู้
จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าวัดปฏิบัติธรรมสวดมนต์ข้ามปี ตักบาตรวันปีใหม่ ปฏิบัติศาสนกิจ ตามหลักศาสนา และประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดีงาม รวมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปปฏิบัติ นำพาสู่ความสำเร็จในชีวิต และร่วมกันสนับสนุนและจัดจำหน่าย สินค้าทางวัฒนธรรมของไทยเพื่อสร้างงานและกระจายรายได้สู่ประชาชนในท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของประเทศ โดยใช้สินค้าทางวัฒนธรรมที่ผลิตในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสายด่วนวัฒนธรรม 1765