กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาหลายประการที่ท้าทายรูปแบบการดำเนินธุรกิจ อาทิ เหตุอุทกภัยปี 2554 เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันซึ่งก็ยังมีความไม่มั่นคง หลายธุรกิจต้องล้มเลิก ลดขนาด หรือปรับตัวขนานใหญ่ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยมีการเตรียมตัวรับมือ เหตุผลหลักที่ส่งผลต่อธุรกิจคือ ธุรกิจไม่สามารถดำเนินการอย่างปกติได้ท่ามกลางภาวะดังกล่าว ซึ่งบางครั้งกินเวลาถึงครึ่งปี ธุรกิจเกิดการสะดุด สำนักงานถูกปิด ล่าช้า ผิดพลาด พนักงานไม่สามารถปฎิบัติงานได้ตามศักยภาพ และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าปัญหาเหล่านั้นจะจบลงเมื่อไร ด้วยเหตุที่เป็นปัญหาจากภายนอก
ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศมหาศาลในช่วงที่ผ่านมา ในทางกลับกัน ช่วงเวลานี้กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูงสุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากประเทศกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) คำถามคือ ธุรกิจจะรับมืออย่างไร ทำอย่างไรให้สามารถดำเนินการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เต็มศักยภาพในสภาวะปัญหาที่ควบคุมไม่ได้เหล่านั้น
คำว่า Business Continuity หรือ การบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ จึงได้รับความสนใจมากขึ้น การวางแผนและนำแผนไปปฏิบัติ ทั้งระบบและกระบวนการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้ในภาวะที่ประสบวิกฤติต่างๆ
รีจัส ผู้นำด้านการทำงานรูปแบบใหม่ด้วยสำนักงานให้เช่าที่ปรับเปลี่ยนได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าเครื่องมือหลักที่จะมาสนับสนุนธุรกิจให้ดำเนินไปได้คือ สำนักงานสำรองในสภาวะฉุกเฉิน (Workplace Recovery) ซึ่งจะช่วยให้องค์กรพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เสมอ ไม่ว่าจากสภาวะน้ำท่วม แผ่นดินไหว การจลาจลภายใน แรงงงานประท้วง หรือปัญหาขัดข้องต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด
สำนักงานสำรองในสภาวะฉุกเฉิน เป็นทางเลือกที่สะดวก และประหยัด สิทธิการเข้าใช้ห้องรับรองทางธุรกิจของรีจัสกว่า 2,000 แห่งใน 750 เมืองใหญ่จาก 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้การติดต่อระหว่างประเทศง่ายขึ้น การทำงานสะดวกขึ้น โปรแกรมจัดเตรียมสำนักงานพร้อมใช้ในสภาวะฉุกเฉิน สำนักงานพร้อมอุปกรณ์ครบครัน พร้อมเข้าใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ความสะดวกเหล่านี้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจในรับมือกับสภาวะฉุกเฉินได้ รีจัส คือปรากฎการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถปรับวิธีการทำงานให้ตอบโจทย์ได้ทุกสถานการณ์ สำหรับประเทศไทยนั้นรีจัสเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยเทรนด์การทำงานแบบโมบายล์ที่พุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังต้องเผชิญเหตุการณ์คาดไม่ถึงมากมายที่ต้องการสำนักงานสำรองในสภาวะฉุกเฉิน โดยรีจัสสามารถช่วยธุรกิจในประเทศไทยได้จากโซลูชั่นทางเลือกหลากหลายที่ปรับได้ตามความต้องการของธุรกิจ ทั้ง ขนาด สถานที่ การลงทุน และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน จาก 13 สาขาในประเทศไทยที่กระจายอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท สีลม สาทร เพลินจิต ฯลฯ ให้ความสะดวกกับการทำงานมากขึ้น รวมไปถึงสาขาบางนาที่รองรับการเติบโตของธุรกิจแถบชานเมือง และสาขาศรีราชาที่เป็นหัวใจของภาคตะวันออกที่เต็มไปด้วยเขตอุตสาหกรรมสำคัญต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยหลักเพื่อให้ธุรกิจสามารถเตรียมพร้อมเผชิญต่อสภาวะที่คาดไม่ถึงได้ รีจัสมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจหากองค์กรนั้นๆมีการเตรียมพร้อมที่ถูกต้อง รีจัสจะสนับสนุนกลุ่มลูกค้าให้สามารถบริหารงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัว เราเชื่อว่าจะมีหลากหลายบริษัทต้องการมาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยหรือขยายธุรกิจซึ่งเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างหลักปักฐานให้กับธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มลูกค้าได้ในทุกสถานการณ์ ”