กระทรวงเกษตรฯ หารือเกษตรกรและผู้ประกอบการ ถึงแนวทางพัฒนาการผลิตและการตลาดไหม เพื่อการผลิตไหมให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งภายในและต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday January 15, 2015 17:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--กองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางพัฒนาการผลิตและการตลาดไหม ว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายหลักในการทดแทนการนำเข้าด้วยสินค้าที่มีคุณภาพภายในประเทศ ซึ่งมีสินค้าที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์ไหมของไทย ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไหม รวมถึงเกษตรกรและการเชื่อมโยงกับตลาดทั้งในและต่างประเทศ จึงได้หารือถึงปัญหาและอุปสรรค และแนวทางการแก้ปัญหา ร่วมกับ เกษตรกรและผู้ประกอบการผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการผ้าไหมและนำเข้าเส้นไหม กลุ่มผู้ประกอบการจำหน่ายผ้าไหม กลุ่มผู้ผลิตเส้นไหมอุตสาหกรรม กลุ่มผู้ผลิตเส้นไหมไทยลูกผสม และกลุ่มผู้ผลิตเส้นไหมไทยพื้นบ้าน โดยเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทบทวนยุทธศาสตร์ในการทำงาน นายอำนวย กล่าวต่อไปว่า ต้องมีพัฒนาการผลิตไหมให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการขยายยุทธศาสตร์ เพื่อให้สามารถเป็นผู้นำในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ได้ ซึ่งมีภาพรวมการส่งออกในระบบหม่อนไหมทั้งหมดในปี 2557 มีมูลค่า 1,077,483,683 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 อยู่ 204,217,435 บาท หรือคิดเป็นร้อยละที่เพิ่มขึ้น 23.39 โดยในปี 2557 ผ้าไหม ซึ่งเป็นสินค้ากลางน้ำ มีมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดที่ 496,499,291 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ถึงร้อยละ 76.26 สำหรับสินค้าต้นน้ำซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต ได้แก่ รังไหม เส้นไหม ด้ายไหม มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.80 และสินค้าปลายน้ำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไหม มีมูลค่าลดลงร้อยละ 2.95 เมื่อเทียบปีต่อปี ทั้งนี้ สำหรับราคาวัตถุดิบภายในประเทศ ปี 2557 เทียบกับ ปี 2556 ระดับราคาเส้นไหมมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกชนิดของเส้นไหม โดยประเภทไหมต่างประเทศควบ 4 มีการเพิ่มขึ้นของราคาเฉลี่ยมากที่สุดที่ 154.51 บาท/กิโลกรัม รองลงมาเป็นไหมต่างประเทศควบ 6 มีการเพิ่มขึ้นของราคาเฉลี่ย 120.08 บาท/กิโลกรัม และไหมแลงมีการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับไหมชนิดอื่น ๆ ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นของราคาอยู่ที่ 8.31 บาท/กิโลกรัม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ