สคร. 12 สงขลา ชวนผู้ใหญ่อายุ 20-50 ปี ฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบฟรี ถึง 30 เม.ย. นี้

ข่าวทั่วไป Monday January 19, 2015 12:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เชิญชวนประชาชนอายุ 20 – 50 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบฟรี จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2558 ณ สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ ตามโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า โรคคอตีบสามารถเกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สาเหตุเกิดจากการที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ ซึ่งในปี 2555 กระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินความเสี่ยงการระบาดของโรคคอตีบ พบว่า ประชาชนที่ยังไม่มีภูมิต้านทานหรือมีภูมิคุ้มกันโรคในระดับต่ำ คือประชาชนวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุประมาณ 20 - 50 ปี ทำให้ต้องรณรงค์ให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบฟรีเพื่อควบคุมโรค โดยเริ่มในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคแรก และขยายครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2558 ณ สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ โรคคอตีบ เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบ มีแผ่นเยื่อเกิดขึ้นในลำคอ อาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ต่ำ เจ็บคอ มีแผ่นฝ้าสีขาวติดแน่นบริเวณทอนซิล ช่องคอ โพรงจมูก ในรายที่รุนแรงจะมีการตีบตันของทางเดินหายใจ จนหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้ โรคคอตีบสามารถติดต่อกันได้โดยการไอ จามรดกัน หรือพูดคุยกันในระยะใกล้ชิด เชื้อจะเข้าสู่ผู้สัมผัสทางปากหรือทางการหายใจ บางครั้งอาจติดต่อกันได้โดยการใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อน หรือ การดูดอมของเล่นร่วมกันในเด็กเล็ก ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการถือเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญในชุมชน โรคนี้มีระยะฟักตัวของโรคอยู่ระหว่าง 2-5 วัน หรืออาจนานกว่านี้ได้ ผู้ที่ได้รับการรักษาเต็มที่เชื้อจะหมดไปภายใน 1 สัปดาห์ ดร.นายแพทย์สุวิช กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันโรคคอตีบสำหรับเด็ก ทำได้โดยการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2 4 6 และ 18 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ 4 ปี สำหรับผู้ที่มีอาการของโรคจะมีเชื้ออยู่ในจมูก ลำคอ เป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ จึงต้องแยกผู้ป่วยจากผู้อื่นอย่างน้อย 3 สัปดาห์ หลังเริ่มมีอาการ ผู้ป่วยที่หายจากโรคคอตีบแล้ว อาจไม่มีภูมิคุ้มกันโรคเกิดขึ้นเต็มที่ จึงอาจเป็นโรคคอตีบซ้ำอีกได้ ดังนั้นจึงต้องให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบแก่ผู้ป่วยที่หายแล้วทุกคน หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคคอตีบ สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ